ข้าวยากหมากก็แพง จะหาเงินเพื่อมาซื้อของในยุคนี้ก็ยากลำบากกันทุกหย่อมหญ้าอยู่แล้ว... พอจะซื้อความสุขให้ตัวเองหรือให้กับคนรอบข้าง ก็ยังมาโดนหลอก โดนโกงอีก ของก็ไม่ได้ เงินก็หายไปกับคนโกงเหล่านั้นด้วย วันนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงอยากจะมาเตือนภัยเกี่ยวกับการซื้อสินค้าผ่านเฟซบุ๊ค ที่ถ้าหากถูกหลอก หรือ ถูกโกงไปแล้ว การได้รับเงินมาคืนอาจจะเป็นเรื่องที่ยากพอตัว อย่างไรก็ตาม มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจึงมีข้อแนะนำเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคปลอดภัยจากการสั่งซื้อสินค้าผ่านเฟซบุ๊ค ตามมาอ่านกันเลย...
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าผ่านเฟซบุ๊กและยังไม่ได้รับสินค้า อีกทั้งก็ยังไม่ได้รับเงินคืนอีกด้วย เรื่องราวเริ่มจากผู้ร้องเรียนรายหนึ่งสั่งซื้อหมอนยางพาราผ่านทางเฟซบุ๊คเพจ ‘Best slumber’ โดยมีการสั่งซื้อหมอน 2 ใบ ในราคา 690 บาท จากนั้นจึงจัดการโอนเงินไปยังชื่อบัญชี นางสาวนภาลัย แสงบุญ ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 1380423015 และรอรับของตามปกติ แต่ว่าหลังจากครบกำหนดส่งสินค้ากลับไม่มีพัสดุจากร้านส่งมาเลย จึงสอบถามไปในอินบ็อกของเพจแต่ไม่มีการตอบกลับมา และเมื่อเปลี่ยนไปติดต่อทางเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้หน้าเพจก็ไม่มีคนรับสายด้วยเช่นเดียวกัน สุดท้ายก็ไร้ซึ่งการการติดต่อกลับจากผู้ขายสินค้าเลย
เมื่อรู้สึกไม่ชอบมาพากล ผู้ร้องเรียนจึงไล่ดูบนหน้าเพจดังกล่าว และพบว่า มีลูกค้ารายอื่นๆ ไม่ได้รับสินค้า และเข้ามาทวงถามหาสินค้าที่แต่ละคนสั่งไป ต่อมาจึงนำชื่อบัญชีที่เพจให้โอนเงินไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต จึงพบความจริงอีกอย่างว่า ชื่อ ‘นางสาวนภาลัย แสงบุญ’ อยู่ในหัวข้อรายชื่อที่เคยมีคดีความเกี่ยวกับหมอนยางพารามาก่อน และเมื่อรู้แน่ๆ ว่าตนเองถูกหลอก ผู้ร้องเรียนจึงนำหลักฐานที่มีอยู่ ทั้งข้อความแชท และหลักฐานการโอนเงิน ไปแจ้งความกับตำรวจ จากนั้นผู้ร้องเรียนได้เข้าร่วมกลุ่มไลน์ผู้เสียหายจนได้ทราบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันเป็นจำนวนมาก
“ตอนนี้เพจเขายังโฆษณาอยู่ เพจไม่ได้ถูกปิด แม้จะมีการแจ้งความดำเนินคดี และยังมีคนสนใจซื้อหมอนยางพาราอยู่เรื่อยๆ เรากลัวว่าคนอื่นจะถูกหลอก ตอนนี้ก็มีผู้เสียหายบางคนมาบ่นในกลุ่มว่า เก็บเงินซื้อที่นอนให้พ่อแม่ เพราะอยากให้พ่อแม่ได้บนที่นอนที่มีคุณภาพ แต่กลับมาถูกหลอก ไม่ได้รับสินค้าและยังไม่ได้เงินกลับคืนด้วย นอกจากนี้จากการเข้าร่วมกลุ่มไลน์ผู้เสียหาย ก็พบว่า ผู้ที่โกงนั้นมีเพจที่หลอกขายสินค้ามีมากกว่า 1 เพจ โดยจะให้โอนเงินเข้าบัญชีของ นภาลัย แสงบุญ จึงนำมาสู่คำถามว่าเขาเคยถูกจับไปแล้ว แต่ทำไมยังออกมาทำพฤติกรรมแบบนี้ได้อีก” หนึ่งในผู้เสียหายกล่าว
...
ถ้าหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับการซื้อสินค้าผ่านเฟซบุ๊ค (ที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม) จะไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเคยติดต่อไปยังเฟซบุ๊คประเทศไทยในคดีลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ได้รับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ส่วนในเรื่องของการปิดเพจจะทำได้ยาก เนื่องจากจะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าของเพจ จนกว่าจะมีคำสั่งจากศาลให้ปิดเพจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะสามารถทำเรื่องขอปิดเพจไปที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แต่หากไม่มีคำพิพากษาจากศาลก็ไม่สามารถทำได้ หรือวิธีหนึ่งในการปิดเพจ คือ การระดมรีพอร์ตเพจซึ่งวิธีนี้ก็ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะเฟซบุ๊คจะมีระบบเพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งระหว่างเพจ
ส่วนเรื่องเงินที่โอนไปแล้วจะได้คืนไหม ต้องบอกว่าอาจจะเป็นไปได้ยากที่จะได้คืน เนื่องจากผู้ซื้อโอนเงินเข้าบัญชีไปแล้ว เจ้าของบัญชีที่โกงก็อาจจะโอนเงินออกไปอีกบัญชีหนึ่งหรือรีบไปเบิกเงินออกมาทันที ก่อนที่ผู้ซื้อจะรู้ตัวและไปอายัดบัญชีคนโกง
...
อยากฝากเตือนว่า หากหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าผ่านเฟซบุ๊คได้ ควรจะหลีกเลี่ยง เพราะถ้าเกิดปัญหาแล้วอาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากและผู้เสียหายส่วนมากจะไม่ได้เงินคืน แต่หากจำเป็นต้องซื้อผ่านเฟซบุ๊ค ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเพจ ตรวจสอบชื่อบัญชีที่ต้องโอนเงินไปว่าเคยมีประวัติหรือมีเรื่องที่เคยหลอกลวงมาก่อนหรือไม่ ก่อนทำการสั่งซื้อสินค้า สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ https://www.blacklistseller.com/ เว็บไซต์ที่เป็นศูนย์กลางการตรวจสอบคนโกงออนไลน์ หรืออีกทาง คือ การเลือกช่องทางการชำระเงินเป็นการให้เก็บเงินปลายทาง