นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า แต่ละปี สคบ.รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนผู้บริโภค 2,000 ราย ในความเสียหายต่อทรัพย์สิน เงินทอง และการเสียชีวิตจากการใช้สินค้าและบริการต่างๆ ดังนั้นเพื่อดับปัญหา สคบ.จึงจัดทำตราสัญลักษณ์ CONSUMER PROTECTION GUARANTEE ในการแสดงบนสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค หลังซื้อขายสินค้า หรือการใช้บริการ
โดยดำเนินเตรียมโครงการมาตั้งแต่ต้นปี 2555 และในวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา เริ่มเปิดให้ผู้ประกอบการต่างๆ สมัครขอลงทะเบียนขอตราสัญลักษณ์ดังกล่าว รวมถึงได้จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการต่างๆ ผู้ประกอบการรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ทองรูปพรรณ ห้างสรรพสินค้า บัตรเครดิตบ้านจัดสรรและอาคารชุด เครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัทนำเที่ยวธุรกิจเสริมความงาม สินค้าเกษตร อัญมณี และเจ้าของธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีผู้ประกอบการสมัครขอลงทะเบียนแล้ว 200 ราย และเริ่มทยอยสมัครกันอย่างต่อเนื่อง
ในเบื้องต้น สคบ.กำลังตรวจสอบประวัติของผู้สมัครซึ่งต้องผ่านการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน ที่กำหนดทั้งหมด เช่นบริษัทจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีคดีฟ้องร้องติดค้างและต้องผ่านการตรวจรับรองฉลากโฆษณาถูกต้อง รวมถึงตรวจสัญญาต่างๆ ก่อนจะแจกตราสัญษณ์คุ้มครองผู้บริโภคในปลายเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งผู้ที่ได้ตราสัญลักษณ์สินค้าต้องมาต่ออายุทุก 2 ปีและเจ้าหน้าที่จะลงตรวจสินค้าทุก 6 เดือน ภายในปี 2557 คาดว่าน่าจะติดตราสัญลักษณ์ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท
นายวรวัจน์ เปิดเผยอีกว่า เครื่องหมายตราสัญลักษณ์ สคบ.นี้จะเป็นตัวคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค หลังซื้อขายสินค้าที่อาจเกิดปัญหาตามมาหรือถูกหลอกลวงให้ซื้อสินค้าและ บริการต่างๆ อาทิ ธุรกิจขายตรงธุรกิจสินค้าออนไลน์ รวมถึงการธุรกิจเสริมความงามซึ่งมีสถานบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีการร้องเรียนเข้ามามากทุกปีจึงต้องมีระบบตรวจสอบ ทั้งระบบการตรวจสอบบริษัท การตรวจสอบผลิตภัณฑ์และการตรวจสอบระบบค้ำประกัน
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ระบบชดเชยเยียวยาที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมาผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ได้มาเรียกร้องสิทธิ เพราะมีขั้นตอนการดำเนินการล่าช้า และมูลค่าสินค้าและบริการไม่คุ้มค่า นอกจากนี้ยังเป็นตัวบงชี้ถึงความปลอดภัยของสินค้าที่มีมาตรฐานและปลอดสินค้า ปลอม ซึ่งทำให้ชาวต่างชาติซื้อสินค้าของไทยอย่างมั่นใจ เพราะมีการรับรองโดยรัฐบาล และสิ่งสำคัญยังช่วยขับเคลื่อนเตรียมพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะมีสินค้าทั่วสารทิศหลั่งไหลเข้าประเทศไทยอีกด้วย
ข้อมูลจาก นสพ.แนวหน้า
1 มิ.ย. 2555