คนสะเดา 16 ชุมชนกว่า 300 คนรวมตัวที่ศาลาไท้ฮั้วประกาศลั่น ‘รักสะเดา ไม่เอาโลตัส’

คนสะเดารวมตัวต้านห้างค้าปลีกต่างชาติ คึกคัก นัดแรกประกาศ ‘รักสะเดา ไม่เอาโลตัส’เตรียมติดป้ายทั่วเมือง พร้อมยื่นหนังสือนายกเล็กสะเดา ทำตามขั้นตอนสิทธิพลเมืองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 50

จากผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังการตั้งห้างค้าปลีกต่างชาติในหลายจังหวัดที่ผ่านมา จนมีการคัดค้านอย่างต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด

17 เม.ย.50 เชียงคำ พะเยาต้านโลตัสสุดฤทธิ์
1 พ.ค. 52 ขอนแก่นไม่เอาโลตัส รุกตลาดชุมชน
2 พ.ย.52 ที่เชียงใหม่ พาณิชย์เดินสาย รับฟังความคิดเห็นเปิดเวทีถกใน การสัมมนาเรื่อง ” พ.ร.บ.ค้าปลีก : กติกาอยู่ร่วมกันในยุคทุนไร้พรมแดน” ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งนายเฉลิมชาติ นครังกุล รองประธานหอการค้าจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จ.เชียงใหม่เป็นจังหวัดแรกที่ได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของโมเดิร์นเทรด ปัจจุบันเชียงใหม่มีโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ถึง 8 แห่ง มีร้านสะดวกซื้ออีก 150 แห่งและยังขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลกระทบกับชุมชนและท้องถิ่นในต่างอำเภ

18 พ.ย. 52 ชาวภูเขียวชัยภูมินับพันเดินขบวนต้านโลตัสจี้ผู้ว่าฯ-ท้องถิ่นระงับลักไก่ สร้าง ขึ้นป้ายทั่วเมืองเดินขบวนต้านโลตัส รุกลักไก่ยื่นเตรียมสร้างขยายสาขาย่อยขนาดเล็กประจำอำเภอ ตำบล เทศบาล ตามหัวเมืองใหญ่ สร้างผลกระทบผู้ประกอบการค้าค้าท้องถิ่น บุกยื่นผู้ว่าฯระหว่างประชุมมอบนโยบายผู้นำท้องถิ่นช่วยระงับการอนุญาตตั้ง ในพื้นที่ไว้ก่อน ระหว่างรอ ครม.พิจารณาพ.ร.บ.ค้าปลีก  ให้มีผลบังคับใช้ได้ก่อน

“พ.ร.บ.ค้าปลีกถูกเตะถ่วงมานาน ถูกหยิบยกขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 ตอนนั้นก็ได้มีการให้นำกฎหมายผังเมืองเข้ามาใช้ แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะห้างค้าปลีกก็หันไปขยายขนาดเล็กแทน รุกคืบเข้าไปสู่ชุมชน จากนั้นก็หายไป 6 เดือน กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง จนป่านนี้กฎหมายค้าปลีก ก็ยังไม่มีวี่แววจะออก เพราะนักการเมืองให้ความสนใจแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ”
นางรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพฯกล่าวครั้งเกิดกรณีห้างโลตัสฟ้องสื่อมวลชน อดีต สนช.และคอลัมนิสต์ เมื่อ 29 ก.พ. 2551

จนเมื่อ 16 มิ.ย. 2552 ศาลยกฟ้องคดี “ห้างเทสโก้ โลตัส” ฟ้องหมิ่นประมาทอดีต สนช.เรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท กรณีให้สัมภาษณ์ห้างเทสโก้โลตัส ดูดเงินจากคนไทยส่งกลับบริษัทแม่ที่ประเทศอังกฤษปีละหลายหมื่นล้านบาท ชี้ เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม

จนขณะนี้ได้มีกระแสคัดค้านห้างค้าปลีกค้าส่งต่างชาติ ที่กำลังปรับตัวเป็นโมเดิร์นเทรดที่มีขนาดเล็กลงแทรกซึมในระดับชุมชนเพื่อ เตรียมรับ พ.ร.บ.ค้าปลีก

พัฒนาการต้านห้างยักษ์ใหญ่ สู่การค้านห้างโลตัสเอ็กซ์เพรส
แม้กระทั่งเมื่อ 5 พ.ย. 52 ที่โรงแรมโนโวเทล เซ็นทารา หาดใหญ่ จ.สงขลา กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เชิญผู้ประกอบการรายย่อย และผู้ประกอบการโชวห่วย ใน จ.สงขลากว่า 250 คน เข้าร่วมสัมมนาเชิงประชาพิจารณ์ ในหัวข้อ ?พ.ร.บ.ค้าปลีก: กติกาอยู่ร่วมกันในยุคทุนไร้พรมแดน?? เป็นครั้งสุดท้ายก่อนนำข้อสรุปเสนอ ครม. เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ค้าปลีกต่อไป แต่ข่าวคราวการผลักดันเพื่อก่อสร้างห้างค้าปลีกขนาดยักษ์หรือเอ็กซ์เพรสก็ เกิดประปรายแถบหัวเมืองเศรษฐกิจขนาดเล็กที่กำลังเริ่มเติบโต

อำเภอสะเดาขุมทรัพย์ เชื่อมธุรกิจมาเลย์

สะเดา เมืองธุรกิจหน้าด่านกำลังถูกรุก ทั้งตลาดสดวงจรวิถีชีวิตที่เชื่อมโยงถึงระบบเกษตรในพื้นที่ ตลาดผ้ามือสองคลองแงะ รวมถึงธุรกิจร้านค้า หาบเร่ แผงลอย รถเข็นที่อยู่รายทางกำลังจะถูกกระทบอย่างหนักระลอกใหญ่หลังวิกฤติชายแดนใต้

ซึ่งหลังการประชุมในสภาเทศบาลเมืองสะเดาเพื่อรับฟังความคิดเห็นในกลุ่ม ผู้เกี่ยวข้องไม่มากนักเกี่ยวกับการเกิดห้างยักษ์ในอนาคตอันใกล้ ทำให้เกิดการรวมตัวของเครือข่าย 16 ชุมชนอำเภอเมืองสะเดา รวมถึงบ้านพรุ ปาดังเบซาร์ โดยมีการแจกใบปลิวทำความเข้าใจ ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ค้าปลีก และผลกระทบจากห้างค้าปลีกต่างชาติ และนัดหมายอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 3 ธันวาคม 2552 เวลา 19.00 น.ที่ศาลาไท้ฮั้ว สะเดา ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน

ทั้งนี้ได้ร่วมกันปรึกษาหาข้อสรุปเพื่อเคลื่อนไหวตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จัดตั้งแกนประสานงาน เพื่อเตรียมยื่นหนังสือต่อเทศบาล และนายอำเภอสะเดา รวมถึงจะดำเนินการมาตรการทางสังคมเพื่อรณรงค์ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างต่อ ไป

ระหว่างการประชุมพูดคุยหลายคนได้แสดงความคิดเห็นว่า การมาของห้างใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโลตัส คาร์ฟู ถ้าปล่อยให้เกิดได้ซักหนึ่งแห่งก็จะเกิดตามมาเรื่อยๆ เจ้าของกิจการหลายคนได้ให้ข้อคิดว่า ในเมืองหาดใหญ่ร้านค้าเล็กๆต้องปิดตัวไปมากไม่ใช่เพราะเหตุเศรษฐกิจตกต่ำ เพียงอย่างเดียวแต่เป็นผลมาจากการเกิดของห้างต่างชาติหลายแห่งด้วย

โดยแกนประสานจะเตรียมการจัดทำป้ายรณรงค์มีข้อความคัดค้านการเกิดห้างโล ตัส และจะติดต่อนักวิชาการเพื่อนัดหมายมาให้ข้อมูลผลกระทบต่อชุมชนที่เป็นเวที สาธารณะ ตามสิทธิการรวมตัวในการใช้สิทธิชุมชนตามที่กฎหมายกำหนดโดยมีการทิ้งท้ายให้ ร่วมกันล่ารายชื่อเพื่อแสดงเจตจำนงค์เป็นลายลักษณ์อักษรในการยื่นหนังสือ เร็วๆนี้

ข้อมูลจาก โครงการบริโภคเพื่อชีวิตสงขลา

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน