ผู้บริโภคอีสานขอให้รัฐบาลสนับสนุนการออกพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค

เครือข่ายผู้บริโภคภาคอีสานได้ร่วมแถลงข่าวขอให้รัฐบาลสนับสนุนการออกพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ในเวทีจัดทำแผนยุทธศาสตร์ งานคุ้มครองผู้บริโภคภาคอีสาน เพื่อการขับเคลื่อน  พรบ.กองทุนสินไหมทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ..  ขึ้น  วันที่ 16-17  กันยายน  2554  ณ ห้องแสงตะวัน (ชั้น8)   โรงแรมแก่นอินทร์  อ.เมือง  จ.ขอนแก่น  

แถลงการณ์เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคอีสาน
เรื่อง
ขอให้รัฐบาลสนับสนุนการออกพระราชบัญญัติองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.
วันที่   ๑๖  กันยายน  ๒๕๕๔  ณ  ห้องแสงตะวัน โรงแรมแก่นอินท์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

เครือข่ายผู้บริโภคภาคอีสาน  เป็นองค์กรภาคประชาชนที่รวมตัวกันดำเนินกิจกรรมเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค  ได้มีการผลักดันให้มีองค์การอิสระคุ้มครองผู้บริโภค   ตั้งแต่การเสนอให้มีในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ ระบุไว้ในมาตรา ๕๗ โดยมีการรณรงค์  รวบรวมรายชื่อเสนอกฎหมาย  ประชาสัมพันธ์ เสนอแนะต่อฝ่ายการเมืองเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภค   จนเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองต้องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  พ.ศ.๒๕๕๐  ระบุในมาตรา  ๖๑ ดังนี้

สิทธิของบุคคลซึ่งเป็นผู้บริโภคย่อมได้รับความคุ้มครองในการได้รับข้อมูลที่เป็นความจริง  และมีสิทธิร้องเรียนเพื่อให้ได้รับการแก้ไขเยียวยาความเสียหายรวมทั้งมีสิทธิรวมตัวกัน  เพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค

ให้มีองค์การเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นอิสระจากหน่วยงานของรัฐ  ซึ่งประกอบด้วย  ตัวแทนผู้บริโภค  ทำหน้าที่ให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของหน่วยงานของรัฐในการตราและการบังคับใช้กฎหมายและกฎ  และให้ความเห็นในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภครวมทั้งตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค  ทั้งนี้ให้รัฐสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการขององค์การอิสระดังกล่าวด้วย

ซึ่งเครือข่ายผู้บริโภคภาคอีสาน  ได้ร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภคทั่วประเทศ  รวบรวมรายชื่อจำนวน ๑๑,๒๓๐ รายชื่อ  เพื่อเสนอ ร่าง พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ…..

ต่อประธานรัฐสภาและกฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง ๓ วาระในการประชุมเมื่อวันที่  ๒๐ เมษายน ๒๕๕๔ โดยมีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง ๓๐๑ ต่อ ๒ เสียง รวมทั้งผ่านความเห็นชอบเบื้องต้นของวุฒิสภาและได้พิจารณาในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาพระราชบัญญัติฉบับนี้ จำนวน ๓ ครั้ง แต่เนื่องจากมีการยุบสภาเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ทำให้มีการพิจารณาร่างกฎหมายของวุฒิสภาต้องหยุดชะงักไป  จึงมีความจำเป็นที่คณะรัฐมนตรีจะต้องให้ความเห็นชอบกฎหมายฉบับนี้ภายใน  ๖๐วัน        หลังจากมีการประชุมรัฐสภาครั้งแรก   เมื่อวันที่

๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ ดังนั้นครบจำนวน  ๖๐ วัน ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ จึงจะสามารถพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง  ซึ่งนับจากวันนี้ไปเหลือเวลา ๑๕ วัน

ในช่วงที่ผ่านมา  เครือข่ายผู้บริโภคในจังหวัดต่าง ๆ ของภาคอีสานได้ไปยื่นหนังสือ  ทำความเข้าใจกับ สส.ในจังหวัดของตนเพื่อให้สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้  เช่น

-  จังหวัดหนองคาย ได้ยื่นหนังสือ ต่อว่าที่ รต.ดร.พงษ์พันธ์  สุนทรชัย  สส.พรรคเพื่อไทย เขต ๑ หนองคาย

-  จังหวัดอุดรธานี ได้ยื่นหนังสือต่อนายขจิตร   ชัยนิคม สส.เขต ๔ พรรคเพื่อไทย จ.อุดรธานี

-  จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ยื่นหนังสือถึงท่านบุญชื่น ศรีธเรศ รมต.ช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายนิพนธ์  ศรีธเรศ

-  จังหวัดหนองบัวลำภู  ได้ยื่นหนังสือต่อนายไชยา  พรหมา  สส.เขต ๓ พรรคเพื่อไทย

-  จังหวัดชัยภูมิ  ได้ยื่นหนังสือต่อนายสุรวิช  คนสมบูรณ์ สส.เขต ๗ พรรคเพื่อไทย  และนายเจริญ  จรรโกมล  สส.เขต ๕    พรรคเพื่อไทย

-  จังหวัดนครพนม ได้ยื่นหนังสือต่อนายไพจิต  ศรีวรขาน  สส.เขต ๓ พรรคเพื่อไทย

-  จังหวัดมหาสารคามได้ยื่นหนังสือต่อนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุข สส.เขต ๕ พรรคเพื่อไทย  และมีการขึ้นป้ายคัตเอ้าขนาดเล็ก  ขนาดใหญ่ เพื่อรณรงค์ในจังหวัดของตนเองให้  สส. และ สว.สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้

 

ดังนั้น  เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคอีสาน เครือข่ายเด็กและเยาวชน  เครือข่ายผู้หญิง  เครือข่ายผู้พิการ  เครือข่ายผู้ติดเชื้อภาคอีสาน  เครือข่ายแรงงานนอกระบบและศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน ๑๙ จังหวัดภาคอีสาน  จึงเรียกร้องไปยังคณะรัฐบาลและ สว. เพื่อขอให้สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายในทุกขั้นตอนของกระบวนการตรากฎหมายที่เหลืออยู่  เพื่อเป็นประโยชน์กับการคุ้มครองผู้บริโภคสมดังเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

 
สาระสำคัญของ (ร่าง)  พรบ.องค์การอิสระ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ...

 

(ร่าง)พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.....ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐มาตรา ๖๑ ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง ๓ วาระในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๔ โดยมีมติเห็นชอบให้ส่งต่อไปยังวุฒิสภา แต่เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔ จึงทำให้การพิจารณากฎหมายของวุฒิสภาต้องหยุดชะงักไป และเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งภายใน ๖๐ วันหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล วุฒิสภาจึงจะสามารถพิจารณาร่างกฎหมายนี้ต่อไปได้

ทั้งนี้ องค์การเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นอิสระตามร่างกฎหมายฉบับนี้  มีบทบาทสำคัญ  ดังนี้

๑.      ทำหน้าที่ให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของหน่วยงานรัฐในการตราและการบังคับใช้กฎหมายและกฎ และให้ความเห็นในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

๒.      ตรวจสอบการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและรายงานไปยังหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ และอาจรายงานเรื่องดังกล่าวไปยังคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา รวมทั้งเผยแพร่เรื่องดังกล่าวต่อสาธารณชน  ทั้งนี้      ให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบดังกล่าวรายงานผลการพิจารณาและการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการภายในระยะเวลาอันสมควร

๓.      ดำเนินการและสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นจริง หรือแจ้งหรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้บริโภค ในการนี้จะระบุชื่อสินค้าหรือบริการ หรือชื่อของผู้ประกอบการด้วยก็ได้

๔.      สนับสนุนการใช้สิทธิร้องเรียนของผู้บริโภคและองค์กรผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ประกอบการ และดำเนินการให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบการ

๕.      ดำเนินคดีต่อศาลยุติธรรมหรือศาลปกครองเพื่อพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคซึ่งคณะ
กรรมการเห็นว่าการดำเนินคดีนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคเป็นส่วนรวม โดยคณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งเลขาธิการหรือพนักงานขององค์การเพื่อให้มีหน้าที่ดำเนินคดี รวมทั้งมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์สินหรือค่าเสียหายให้แก่ผู้บริโภคที่ร้องขอได้ด้วย  ทั้งนี้ การฟ้องและดำเนินคดีดังกล่าว ให้ได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง แต่ไม่รวมถึงความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นที่สุด

๖.      สนับสนุนและให้การช่วยเหลือแก่องค์กรผู้บริโภคในด้านต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้บริโภคดังกล่าว ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค

๗.      ส่งเสริมการศึกษาและการวิจัย  รวมทั้งจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากองค์กรผู้บริโภคหรือประชาชนเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ

๘.      จัดให้มีการประชุมสมัชชาองค์กรผู้บริโภคอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งเพื่อประเมินการดำเนินงานขององค์การ และติดตามตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค เพื่อเสนอแนะแนวทางในการดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภค

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน