ผู้บริโภค ทวงสิทธิสุขภาพพร้อมเรียกร้องวุฒิสภาเร่งพิจารณา กม. องค์การอิสระผู้บริโภค

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับตัวแทนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคประชาชนกว่า 400 คน เปิดสภาผู้บริโภควันคุ้มครองผู้บริโภคไทย วันที่ 30 เมษายน 2554 เปิดแคมเปญล่ารายชื่อผู้ประกันตนร่วมทวงเงินสมทบ เหตุประกันสังคมเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าคลอดบุตรขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้วุฒิสภาเร่งพิจารณาร่างกฎหมายองค์การอิสระโดยเร็ว เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคให้มากขึ้น


ร.ศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ในวันที่ 30 เมษายน ของทุกปีเป็นวันคุ้มครองผู้บริโภคไทย ซึ่งในปี 2554 นี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร่วมกับเครือข่ายผู้บริโภคภาคประชาชนในภาคตะวันออก และชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน ได้จัดเวทีสภาผู้บริโภคในหัวข้อ “ทันสถานการณ์...องค์การอิสระผู้บริโภค” ขึ้น เพื่อให้ประชาชนและสังคมได้มีความตื่นตัวรับรู้ในความสำคัญของการเร่งผลักดันร่างกฎหมายองค์การเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวาระที่ 2 และ 3 แล้วเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา และขณะนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

“รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 61 ได้บัญญัติรับรองสิทธิของผู้บริโภคในการรวมตัวกันเพื่อพิทักษ์สิทธิของตนเอง โดยให้มีองค์การเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นอิสระจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนผู้บริโภค ทำหน้าที่ให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของหน่วยงานของรัฐในการตราและการบังคับใช้กฎหมายและกฎ และให้ความเห็นในการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค และให้รัฐเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการขององค์การอิสระนี้ด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของประชาชนต่อกฎหมายฉบับนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจึงได้ร่วมกับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคประชาชนเปิดเวทีสภาผู้บริโภคขึ้น เพื่อร่วมระดมความคิดเห็นต่อการทำแผนแม่บทการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนในด้านบริการสุขภาพสาธารณสุข อาหาร ยา สื่อ โทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัย บริการสาธารณะ การเงินการคลัง หนี้ และสินค้า บริการทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มปัญหาสำคัญที่ผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิในปัจจุบัน โดยก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเวทีสภาผู้บริโภคไปแล้วของเครือข่ายผู้บริโภคภาคอีสานที่จังหวัดร้อยเอ็ดเมื่อวันที่ 21-22 เมษายน เครือข่ายผู้บริโภคภาคกลาง ที่จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 23 เมษายน เครือข่ายผู้บริโภคภาคตะวันตกที่จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 26 เมษายน และเครือข่ายผู้บริโภคภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา”

“จะเห็นว่าภาคประชาชนนั้นคาดหวังและให้ความสำคัญต่อกฎหมายฉบับนี้เป็นอย่างมาก และได้ร่วมกันผลักดันกฎหมายฉบับนี้มาตลอด 14 ปีที่ผ่านมา จึงอยากขอให้วุฒิสภาได้เร่งรัดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์การเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคและสนับสนุนการตั้งกรรมาธิการประชาชนเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมายฉบับนี้ด้วย” รศ.ดร.จิราพร กล่าว

สำหรับปัญหาที่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมถูกบังคับให้ต้องจ่ายเงินสมทบค่ารักษาพยาบาลและค่าคลอดบุตร และสิทธิบริการสุขภาพได้รับไม่เท่าเทียมกับระบบประกันสุขภาพอื่นนั้น ที่ประชุมสภาผู้บริโภคได้เสนอ ให้ผู้ประกันตนร่วมมือกันเรียกเงินสมทบส่วนสุขภาพคืนจากสำนักงานประกันสังคม พร้อม นางสาวสุภัทรา นาคะผิว ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ ในฐานะกรรมการชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน ย้ำว่า การจ่ายเงินสมทบเพื่อสุขภาพในระบบประกันสังคมนั้นขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในมาตรา  30 , 51 และ 80 (2) และกฎหมายหลักประกันสุขภาพเนื่องจากสิทธิสุขภาพเป็นสิทธิที่รับรองตามรัฐธรรมนูญและปัจจุบันกำหนดให้ใช้บริการโดยไม่ต้องร่วมจ่าย ดังนั้นผู้ประกันตนต้องได้รับบริการตามสิทธิเช่นเดียวกัน

ส่วนนายนิมิตร์ เทียนอุดม เลขาธิการชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตนกล่าวถึงทางออกของผู้ประกันตนต่อปัญหานี้ว่า ที่ประชุมสภาผู้บริโภคเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งรัดตีความกฎหมายประกันสังคมโดยเร็ว และผู้ประกันตนจะร่วมกันทำจดหมายถึงสำนักงานประกันสังคมเพื่อขอเงินคืน โดยชมรม ฯ ได้จัดทำจดหมายสำเร็จรูปให้สมาชิกชมรมและผู้ประกันตน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดจาก Facebook ชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน หรือ www.access.com หรือ www.consumerthai.org และจัดส่งจดหมายลงทะเบียนตอบรับได้ด้วยตนเอง       

 

 

พิมพ์ อีเมล

บทความใกล้เคียงกัน