ผู้ประกันตนเฮรับของขวัญวันแรงงาน “สปส.” ไฟเขียวเพิ่มเงินรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
รายงานข้าวจากคมชัดลึกรายงานว่านางเพ็ชรา ถาวระ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้คณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษาได้เห็นชอบให้มีการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 กรณีการบำบัดทดแทนไต โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2559 เป็นต้นไป สาระสำคัญคือปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราค่าบริการทางการแพทย์ กรณีค่าเตรียมเส้นเลือดสำหรับฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและวางท่อรับส่งน้ำยาล้างไตทางช่องท้อง โดยสามารถเริ่มเตรียมได้ตั้งแต่วันที่มีผลการตรวจระดับอัตราการกรองของเสียของไตน้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 มล./นาที/1.73 ตร.ม.
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มสิทธิประโยชน์จากเดิมที่ให้ผู้ประกันตนเบิกค่าเตรียมเส้นเลือดสำหรับฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือวางท่อรับส่งน้ำยาล้างช่องท้องจำนวน 20,000 บาททุก ๆ 2 ปี ซึ่งหากในระยะเวลา 2 ปีได้เบิกค่าบริการดังกล่าวครบแล้ว และผู้ประกันตนมีความจำเป็นต้องเตรียมเส้นเลือดหรือแก้ไขเส้นเลือดเพื่อเข้ารับการรักษาเพิ่มเติม สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเพิ่มในอัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินรายละ 10,000 บาท
“สำนักงานประกันสังคมยังได้ปรับลดราคาและเพิ่มรายการยา Erythropoientin เพื่อให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายสามารถเข้าถึงยาดังกล่าวและมีทางเลือกในการใช้ยาได้มากขึ้น จากเดิมมีรายการยา 9 รายการ เพิ่มเป็น 11 รายการ ซึ่งบริษัทยาได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานฯ ในการปรับลดราคาขายให้สถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนบำบัดทดแทนไตกับสำนักงานฯ ทำให้ผู้ประกันตนไม่ต้องร่วมจ่าย หรือร่วมจ่ายลดลงกรณีต้องการเลือกใช้ยาที่มีราคาสูง” นางเพ็ชรา ระบุ
รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยอีกว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสำนักงานประกันสังคมจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ภาพรวมปีละกว่า 3 หมื่นล้านบาท และในปี 2558 จ่ายค่าบริการกรณีบำบัดทดแทนไตจำนวน 2,613.34 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.33 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2554 ที่ใช้จ่ายในกรณีบำบัดทดแทนไตจำนวน 1,182.52 ล้านบาท อีกทั้งยังได้อนุมัติสิทธิการปลูกถ่ายไตให้ผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นทุกปีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และให้การดูแลอย่างต่อเนื่องไปจนจบกระบวนการรักษา
“สิทธิประโยชน์ของสำนักงานประกันสังคมเรื่องการให้บริการรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและกรณีเจ็บป่วยอื่น ๆ มีมาตรฐานทัดเทียมกับกองทุนต่าง ๆ ซึ่งเราพยายามพัฒนาสิทธิประโยชน์ทั้ง 7 กรณีอย่างเหมาะสมควบคู่กับความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมด้วย อย่างไรก็ตามอยากฝากให้ผู้ประกันตนทุกคนรักษาสุขภาพ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดอาหารรสจัด ห่างไกลจากของมึนเมาและสิ่งเสพติด เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส เบิกบาน เป็นกำลังสำคัญในพัฒนาประเทศ” นางเพ็ชรา กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2559