วันที่ 6 มิถุนายน ขณะที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขสั่งการให้จัดประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ผ่านระบบ Tele Conferrence และสั่งการให้ผู้ตรวจราชการทุกเขตให้ระดมคนเข้าร่วมแสดงความเห็นเพื่อแก้ไข พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพและนักวิชาการในพื้นที่ ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่งในสังคม และอาจเป็นประเด็นทางการเมืองเพิ่มเติมให้นายกรัฐมนตรีต้องแก้ไขรีบได้
นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งข้อความเปิดใจ ผ่าน facebook ส่วนตัว Mongkol Na Songkhla ถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอให้นายกฯ พิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะมีความพยายามจากกลุ่มผู้ให้บริการเสนอแก้กฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ชี้ถ้านายกฯ ปล่อยให้มีการแก้ไขตามที่กำลังทำอยู่ จะเป็นการทำลายหลักการแยกผู้ซื้อบริการออกจากผู้จัดบริการ เป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน และใช้งบประมาณแผ่นดินที่ไม่เป็นธรรม
ใน Facebook ดังกล่าว อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งข้อความถึงนายกรัฐมนตรี ว่า “ก่อนอื่นผมขอขอบคุณท่านนายกแทนประชาชนคนไทยที่ยืนยันต่อสาธารณะว่าไม่มีการยกเลิกหลักประกันสุขภาพทั่วหน้าหรือ30บาท แต่ต้องรีบเสนอเรื่องนี้ต่อไปเพื่อขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบถึงการที่มีความพยายามจากผู้ให้บริการ พยายามเสนอแก้กฏหมายเพื่อให้อำนาจการตัดสินใจการบริหารจัดการ สปสช.และงบประมาณไปอยู่ในอำนาจของตน ถ้าท่านนายกปล่อยไปจะเป็นการทำลายหลักการแยกผู้ซื้อบริการคือสปสช.ที่ทำหน้าที่แทนประชาชน ออกจาผู้ให้บริการ เพราะหากเงินเอาไปใส่มือให้ผู้ให้บริการแล้วจะไม่มีหลักประกันใดๆว่าผู้บริการจะควักกระเป๋าเอาเงินมาจ่ายค่าบริการให้ประชาชนอย่างเหมาะสม เรื่องนี้มีที่มาที่ไป เมื่อครั้งวางหลักเกณฑ์โครงการ30บาทปี2540 ผมเป็นผู้นำปฏิบัติตกลงกันว่าถ้ากระทรวงสาธรณสุขกระจายอำนาจให้หน่วยบริการออกไป กระทรวงจะทำหน้าที่ซื้อบริการ สปสช. ก็ไม่จำเป็นตัองตั้งขึ้นมา แต่สุดท้ายกระทรวงไม่ยอมปล่อยหน่วยบริการออกไป และต่างก็เห็นพ้องด้วยกันว่าต้องตั้งสปสช.ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่แทนประชาชน
ท่านนายกครับกฎหมายที่แก้ไขหลายประเด็นที่ทำลายหลักการที่กล่าวมาแล้ว เช่นตัดเงินเดือนไปให้กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มสัดส่วนกรรมการผู้ให้บริการ และให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นรองประธาน ลดกรรมการภาคประชาชนลง ดึงงบจัดซื้อยาราคาแพงและจำเป็นไปทำเอง ทั้งที่ประจักษ์ชัดว่า สปสช. บริหารงบฯก้อนนี้ประหยัดไปได้เป็นแสนล้านในระยะไม่กี่ปี ท่านนายกครับ กฎหมายที่กรรมการแก้ไขและกำลังจะเสนอท่านนั้น ผมพิจารณาเห็นว่ามีลักษณะเป็นการระเมิดสิทธิของประชาชนและใช้งบประมาณแผ่นดินที่ไม่เป็นธรรมครับ” นพ.มงคล ณ สงขลา เปิดใจ
ขณะเดียวกัน นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) ได้โพสต์บทความของ ดร.ปกป้อง จันวิทย์ ใน Face book ติดตามการปฏิรูปประเทศกับหมอชูชัย เพื่อสนับสนุน นพ.มงคล ณ สงขลา ว่า “ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งคนทั่วไปอาจจะคุ้นกับชื่อ 30 บาท รักษาทุกโรค มากกว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นการสร้างระบบสวัสดิการสังคมที่ช่วยเหลือทุกคนอย่างถ้วนทั่ว เพราะมันเปลี่ยนสถานะของบริการสาธารณสุขจาก ‘สินค้า’ ในระบบตลาดที่คนมีเงินเท่านั้นที่เข้าถึงได้ หรือ ‘ส่วนบุญ’ ในระบบสังคมสงเคราะห์ที่ต้องพกบัตร ต้องจน ต้องถูกแบ่งแยกกดต่ำ ต้องแสดงให้เห็นว่าตน ‘ด้อย’ กว่าจึงจะได้รับความช่วยเหลือ ให้เป็น ‘สิทธิ’ ของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เป็น ‘สิทธิ’ ที่ไม่ต้องร้องขอ และไม่ต้องรอให้ใครอนุมัติก่อน ประเด็นนี้มีความสำคัญมากและถือเป็นจิตวิญญาณของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าก็ว่าได้ เพราะมันเปลี่ยนผ่านความสัมพันธ์เชิงอำนาจแนวดิ่งที่หมอหรือโรงพยาบาลถือครองอำนาจเหนือกว่าผู้ป่วย มาเป็นความสัมพันธ์เชิงพันธสัญญาที่หมอหรือโรงพยาบาลต้องกลายมาเป็นผู้ให้บริการผู้ป่วยไม่ว่าเขาจะยากดีมีจน มีการศึกษาสูงต่ำเพียงใด มันทำให้พลังอำนาจของหมอกับคนไข้เข้าใกล้กันมากขึ้น”
ภาพประกอบจาก Hfocus.org