จุดยืนองค์กรประชาชน ต่อ (ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. ....
กฎหมายฉบับนี้ ยึดหลักการไม่เพ่งโทษของผู้ประกอบวิชาชีพที่ให้บริการ แต่ยอมรับว่า ความผิดพลาด ความบกพร่องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งจากผู้ประกอบวิชาชีพ และจากระบบบริการสาธารณสุขที่ยังไม่สมบูรณ์ เช่น ความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่จบใหม่ ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ การกระจายของแพทย์ที่ยังไม่ดี การขาดแคลนอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ต่าง ๆ
ดังนั้นจึงไม่ให้ความสำคัญกับการพิสูจน์ว่าใครถูกใครผิด หรือเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่ แต่เน้นพิสูจน์ ว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นจริงจากการรับบริการหรือไม่ แม้แต่กรณีการรักษาที่ได้มาตรฐานแต่มีความเสียหายเกิดขึ้นจริง เช่น กรณีผ่าตัดเลาะผังพืดในท้องแล้วพลาดไปโดนท่อไต ทั้ง ๆ ที่ทำเต็มที่แล้ว ในทางวิชาการก็ยอมรับว่าเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ไม่ถือเป็นความผิด หรือประมาท (Acceptable adverse effect)
นอกจากนี้ความเสียหายสำคัญที่เกิดขึ้น จากการรับบริการไม่ได้มีใคร หรือบุคคล หรือหน่วยงานใดตั้งใจทำให้เกิดความเสียหาย จึงควรต้องมีระบบหรือกลไกรับผิดชอบแทนผู้ประกอบวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ หากจะรับผิดแทนผู้ประกอบวิชาชีพในโรงพยาบาลเอกชนก็ต้องจ่ายสมทบ แล้วนำความเสียหายเป็นบทเรียนในการป้องกันความเสียหายในอนาคต
ความเสียหายที่ไม่คุ้มครอง ตามมาตรา ๖
๑. ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินไปตามพยาธิสภาพของโรค ตามปกติธรรมดาของโรคนั้น
๒. ความเสียหายที่เมื่อสิ้นสุดกระบวนการรักษาแล้วไม่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตตามปกติ(ภาคประชาชน)
โครงสร้างกรรมการทุกคณะ รวมทั้งบทเฉพาะกาล
ยึดหลักคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบของสัดส่วนที่เป็นธรรมระหว่างสถานพยาบาล หรือ ผู้ประกอบวิชาชีพ กับผู้ป่วยหรือองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ
กองทุน
ต้องรวมสถานบริการเอกชน เช่น โรงพยาบาลเอกชน โดยจ่ายสามารถจ่ายสมทบเมื่อมีการต่อใบอนุญาตแต่ละปี
๑. เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการคุ้มครองผู้เสียหายทุกคนที่ไปรับบริการสาธารณสุข ไม่ว่าไปรับบริการที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือเอกชน จะใช้สิทธิอะไรก็ตามหรือจ่ายเงินเอง ต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และปัจจุบันรัฐบาลได้ประกาศให้ระบบสวัสดิการข้าราชการสามารถเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลเอกชนได้
๒. ต้องร่วมจ่ายตามความเสี่ยง และลดการจ่ายหากมีความเสี่ยงน้อย
๓. หากไม่ครอบคลุมโรงพยาบาลเอกชน/คลินิกเอกชน จะขัดต่อหลักนิติรัฐ มีความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้นในสังคม
๔. ยืนยันว่าการดำเนินเรื่องนี้เป็น “สิทธิ” ของทุกคน ไม่เลือกยากดีมีจน
สำนักงาน
ควรเป็นหน่วยงานอิสระ ไม่เป็นหน่วยงานภายในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสำนักงานจะไม่มีส่วนได้เสียในการให้บริการสาธารณสุข
ข้อเสนออื่น ๆ ต่อกระทรวงสาธารณสุข
๑. กระทรวงสาธารณสุข ต้องเร่งผลักดันกฎหมายฉบับนี้โดยเร็วให้ทันการประชุมในสมัยนิติบัญญัตินี้ เพราะหากพิจารณากฎหมาย ฉบับอื่นที่เป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจสามารถดำเนินการได้ทันและรวดเร็ว
๒. กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ ภายใต้คณะกรรมการกำลังคนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งผลิตแพทย์เพิ่มขึ้น และกระจายอย่างเป็นธรรมตามสัดส่วนประชากร ตลอดจนปรับปรุงอักตราการจ่ายเงินชดเชยกรณีไม่สามารถใช้ทุนได้
๓. การปรับปรุงระบบการส่งต่อ การรักษากรณีฉุกเฉิน การพัฒนาหน่วยบริการปฐมภูมิให้มีศักยภาพในการลดความเสียหายจากบริการสาธารณสุข
วันที่ 28 กันยายน 2553