ดีเดย์ ผู้บริโภคเสนอ กม.คุ้มครองผู้เสียหายฯ
เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) วันที่ . จำนวนผู้ชม: 5106

เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นำ1หมื่นรายชื่อเสนอ กฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข ต่อประธานสภา
Consumerthai – 5 มิ.ย. 52 ที่รัฐสภา เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นำโดย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นางปรียานันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เข้ายื่นรายชื่อ 10,441 รายชื่อ ต่อนาย มิชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนฯ เพื่อเสนอ กฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข
(ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ...
|
กรอบแนวคิด หลักการ กฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข
โดย เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เครือข่ายศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ ภาคประชาชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
วัตถุประสงค์ ๑
- เพื่อชดเชยผู้ได้รับความเสียหายจากการใช้บริการสาธารณสุข
- ครอบคลุมบุคคลที่ใช้บริการจากสถานพยาบาลที่เปิดดำเนิน การอย่างถูกต้องตามกม. (รวมร้านยาและสถานพยาบาลที่ไม่มีแพทย์)
- ครอบคลุมรายการการชดเชยที่ผู้เสียหายพึงได้รับตามกม.แพ่ง แต่มีเพดานวงเงิน (และอาจจะรวมการชดเชยค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหากความเสียหายเกิดขึ้นไม่สามารถใช้จากระบบประกันสุขภาพที่มีอยู่)
- ชดเชยทั้งการบาดเจ็บกรณีทั้งเหตุสุดวิสัย (mishap) หรือเกิดจากความผิดพลาดทางการแพทย์ (medical error) โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความผิด
วัตถุประสงค์ ๒
- เพื่อลดการฟ้องร้องของผู้ป่วยต่อแพทย์และสถานพยาบาล และความขัดแย้งในปัจจุบัน
- ไม่จำกัดสิทธิในการฟ้องร้องทางแพ่ง แต่ไม่จ่ายเงินจนกว่าคดีจะสิ้นสุด - ไม่เกี่ยวข้องกับความผิดในคดีอาญา - การมีบทเฉพาะการให้ครอบคลุมบุคคลที่ดำเนินการฟ้องร้องต่อแพทย์หรือสถานพยาบาล(ใช้สิทธิทางศาลในปัจจุบัน)ให้สามารถใช้กระบวนตามกฎหมายนี้ได้ภายใน ๑๒๐ วัน
วัตถุประสงค์ ๓
- เพื่อสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานการรักษา และเพื่อความปลอดภัยผู้ป่วย (patient safety) ในระยะยาว
- การจัดทำ non punitive error report โดยสถานพยาบาลที่มีผู้ร้องขอค่าชดเชย - การตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมโดยคณะกรรมการ (claim panel) เพื่อสรุปความเกี่ยวข้องกับการใช้บริการ - การเผยแพร่ข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการป้องกัน - การใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ระหว่างสถานพยาบาลและประชาชน
ที่มาของเงินกองทุน
- เงินสมทบจากสถานพยาบาลเอกชน โดยเรียกเก็บเมื่อต่อทะเบียนใบอนุญาตประจำปี
- เงินสมทบจากกองทุนประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมาตรา ๔๑ (ถ่ายโอนภารกิจการดำเนินงานเดิมมายังกองทุนใหม่)
- งบประมาณประจำปี
- กรณีการเก็บจากสถานพยาบาลเอกชน อาจจะจัดเก็บตาม experience rate และโอกาสเสี่ยง
กลไกบริหาร
- บริหารโดยหน่วยงานรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม กม. มีคณะกรรมการฯ เป็นผู้กำหนดนโยบาย มีบุคคลที่ได้รับการยอมรับเป็นกรรมการ
- การจ่ายเงินค่าชดเชยจะแบ่งเป็นอย่างน้อย ๒ ขั้นตอน
- ขั้นตอนแรก: การช่วยเหลือเบื้องต้น เมื่อสามารถพิสูจน์ได้ว่าเกี่ยวข้องกับการใช้บริการและเข้าหลักเกณฑ์ - ขั้นตอนที่สอง: การชดเชยความเสียหาย จ่ายหลังการประเมินรายละเอียดความเสียหาย และอาจมีการเจรจากับผู้ป่วย/ญาติเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการชดเชย (จำนวนเงินที่ชดเชยอาจทยอยจ่ายเป็นงวดๆ ให้สอดคล้องกับความจำเป็นของผู้ป่วย/ญาติ)
ขั้นตอนการขอเงินชดเชยฯ
- ผู้เสียหาย/ทายาทยืนคำร้องเพื่อขอเงินชดเชยภายในระยะเวลาไม่เกิน ๓ ปี หลังทราบความเสียหาย
- คณะอนุกก. พิจารณาคำร้องรับเรื่องและพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน
- หากเป็นผู้เสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ให้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามอัตราที่กำหนด
- คณะอนุกก. ประเมินค่าชดเชยความเสียหาย ดำเนิน การให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน
- ก่อนจ่ายเงินให้มีการจัดทำสัญญาชดใช้เงินคืนกรณีฟ้องต่อศาล
- หากไม่พอใจผลการตัดสินสามารถอุทธรณ์ใน ๓๐ วัน
หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการจ่ายเงินชดเชยความเสียหาย
- ความเสียหายเกิดจากการใช้บริการสาธารณสุข
- ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากพยาธิสภาพของโรค - ไม่ครอบคลุมความเสียหายเล็กน้อย
- เงินชดเชยครอบคลุม
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล (ในส่วนที่ไม่คุ้มครองโดยระบบประกันสุขภาพ) - ค่าขาดประโยชน์ทำมาได้ - ค่าชดเชยความทุกข์ทรมานทางจิตใจที่เป็นผลโดยตรงจากความเสียหายทางร่างกาย - ค่าชดเชยกรณีพิการ ทุพพลภาพ ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต ค่าชดเชยกรณีการขาดไร้อุปการะ
|
พิมพ์
อีเมล