เอ็นจีโอจวกบัตรสุขภาพต่างด้าว ไม่ครอบคลุมการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างที่โฆษณา เหตุโรงพยาบาลไม่มั่นใจจะได้เงินคืนจาก สธ.และไม่มีระเบียบรองรับ ชี้นิยามยาซีแอลไม่เคลียร์ว่าครอบคลุมทุกคนในประเทศหรือไม่ ทั้งที่เป้นกลุ่มต้องดูแลเพื่อป้องกันแพร่เชื้อ ด้าน สธ.แจงติดยุบสภา
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า นโยบายให้แรงงานต่างด้าวและครอบครัว ซื้อบัตรประกันสุขภาพในราคากว่า 2 พันบาทของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นั้น ซึ่งระบุว่ารวมการตรวจและการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีแก่แรงงานผู้ติดเชื้อ แท้จริงแล้วพบว่า แรงงานผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส เนื่องจากโรงพยาบาลหลายแห่งไม่นับรวมในบัตรประกันสุขภาพ เพราะไม่มั่นใจว่าจะได้รับเงินคืนจาก สธ.และปัจจุบันไม่มีกฎระเบียบรองรับ ส่วนของคำนิยามการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีจากการทำซีแอล หรือสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาที่ไทยสามารถผลิตยาต้านไวรัสฯในชื่อยาสามัญก็เป็น ปัญหา เพราะที่ผ่านมากรมควบคุมโรค (คร.) ไม่มีการนิยามว่า ยาที่ผ่านการทำซีแอลจะใช้ได้เฉพาะคนไทย หรือคนทุกคนในประเทศไทยกันแน่ ทำให้แรงงานต่างด้าวไม่มีช่องทางรับยา จึงต้องซื้อเอง
“ที่ผ่านมากองทุนโลกจะสนับสนุนงบใน การซื้อยาต้านไวรัส แต่ครอบคลุมเพียง 2,000 ราย ที่สำคัญโครงการนี้จะหมดอายุแล้ว ทำให้พวกเขาต้องพึ่งพาตัวเอง ทั้งที่การดูแลรักษาแรงงานกลุ่มนี้จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อเอชไอวี มายังคนไทยได้ ซึ่งเคยหารือปัญหากับรองปลัด สธ.แต่ยังไม่มีความคืบหน้า คาดว่าภายใน ม.ค.นี้จะขอเข้าพบอีกครั้ง และจะขอหารือกับอธิบดี คร.ถึงการเปลี่ยนคำนิยามยาต้านไวรัสฯในโครงการซีแอลให้ครอบคลุมทุกคนใน ประเทศไทยด้วย” นายนิมิตร์ กล่าว
นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัด สธ.กล่าวว่า ไม่ ได้นิ่งเฉยกับปัญหาเหล่านี้ แต่การดำเนินการต้องมีระเบียบรองรับ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือร่วมกับหลายหน่วยงาน ทั้ง สธ.กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยจะตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขของแรงงานต่างชาติ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มี สธ.เป็นเลขานุการ ปัญหาคือ กำลังจะตั้งคณะกรรมการ แต่ต้องให้นายกรัฐมนตรีลงนาม ซึ่งมีการยุบสภา ทำให้เรื่องนี้ต้องชะลอ รวมไปถึงปัญหายาต้านไวรัสก็เช่นกัน หากไม่มีคณะกรรมการ หรือการทำงานใดๆ ที่มีระเบียบรองรับก็ทำไม่ได้ ดังนั้น ตอนนี้ต้องรอรัฐบาลใหม่ ซึ่งระหว่างรอได้หารือกับกองทุนโลกเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณเรื่องเอดส์ เพื่อเป็นอีกทางในการช่วยแรงงานต่างชาติผู้ติดเชื้อ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการ