แพทย์ เตือนใช้โทรศัพท์ผิดวิธี เสี่ยงสูญเสียการได้ยิน แนะไม่ควรโทรเกิน ครั้งละ 30 นาที พร้อมปรับความดังอย่างเหมาะสม
รศ.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธุ์ ประธานราชวิทยาลัยโสต สอ นาสิกแห่งประเทศไทย กล่าวเตือนการใช้โทรศัพท์ ว่า ขณะนี้มีการศึกษาพบว่า แนวโน้มทำให้สูญเสียการได้ยิน เนื่องจากในการใช้โทรศัพท์ซึ่งบางครั้งมีเสียงดังมากจะเป็นการทำลายระบบ เซลล์ประสาทหูชั้นในจนเกิดความเสื่อม ส่วนกรณีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์ส่งผลต่อระบบประสาทหูหรือไม่นั้น อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำการวิจัยพบว่ายังไม่สามารถบ่งชี้ชัดเจนได้ แต่มรแนวโน้มอาจเป็นต้นเหตุอันหนึ่ง จำเป็นต้องอาศัยการวิจัยต่อเนื่องและเก็บข้อมูลคนไข้เพิ่มมากขึ้น
ประธานราชวิทยาลัยโสต สอ นาสิกฯ กล่าวอีกว่า การ ที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมีอาการปวดหูนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ คือ 1.การใช้โทรศัพท์ในลักษณะกดแนบแน่นกับหูเป็นเวลานาน เกิดการอักเสบของกระดูกใบหูทำให้เจ็บปวดได้ 2.การใช้สมอลล์ทอล์กหรือบูทูธด้วยการเสียบเข้าช่องหูเพื่อฟังเสียงแทนการใช้ โทรศัพท์แนบหูโดยตรงจะเกิดอาการเจ็บได้ เพราะจะเป็นการกดระบบประสาทในบริเวณนั้นและเนื้อเยื่อมีการเจ็บเป็นแผลได้ และ3.การเปิดเสียงโทรศัพท์ที่มีความดังมากๆ จะปวดหุได้เช่นกัน โดยเฉพาะในคนไข้ที่มีปัญหาประสาทหูเสื่อมมาก่อน เนื่องจากระดับความดังของเสียงที่ได้ยินจะมากกว่าคนปกติทั่วไป อย่างไรก็ตาม ไม่ควรเกิน 30 นาทีต่อครั้ง เพราะหากนานจะทำให้เกิดแรงกดที่กระดูกใบหูทำให้ปวดหูได้ การใช้สมอลล์ทอล์กหรือบูทูธควรสลับเปลี่ยนข้างของการเสียบเข้าช่องหู ไม่ควรเสียบหูใดหูหนึ่งหูเดียว ที่สำคัญ อย่าเปิดเสียงดังเกินไป หรือเร่งเสียงมากทำให้สูญเสียการได้ยินได้
รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าวด้วยว่า คนไข้ที่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวด หูส่วนใหย๋เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ได้แก่ 1.การแคะหูจนทำให้ผิวหนังช่องหูอักเสบเป็นฝี หรืออักเสบรุนแรง 2.มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในหู 3.อวัยวะอื่นเป็นโรค เช่น ปวดฟันจนปวดร้าวมาถึงหู ,ทอมซิลอักเสบเฉียบพลัน ข้อต่อขากรรไกรอักเสบ และการติดเชื้อไวรัสจนเซลล์ประสาทที่เลี้ยงช่องหู ใบหูอักเสบ ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการปวดหูเป็นช่วงเวลาสั้นๆแล้วอาการปวดหายไปไม่เป็นไร แต่สำหรับผู้ที่มีอาการปวดแล้วหายแล้วอีก 30 นาที - 1 ชั่วโมงกลับมาปวดใหม่หรือปวดเรื่อยๆควรไปพบแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอาการอื่นร่วมด้วย อาทิ หูอื้อ ได้ยินน้อยลง น้ำหนวกไหล มีเสียงดังในหู หรือเวียนหัวไม่ควรนิ่งนอนใจเพราะเป็นสัญญาณว่า บ่งบอกว่าเป็นโรคหูค่อนข้างชัดเจน
ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 19 เมษายน 2555 |