สมาคมผู้ผลิตยาในประเทศ ทำหนังสือยืนยัน ไม่เอาทริปส์พลัสในเอฟทีเอกับยุโรป ชี้ผลกระทบรุนแรงต่อระบบสาธารณสุขไทย ด้านเครือข่ายงดเหล้า เผยรัฐมนตรีพาณิชย์ฯลักไก่ ไม่รับฟังความเห็น เตรียมร้องสภา
30 ต.ค. ตามที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งทำกรอบการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ให้เสร็จเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา และเสนอให้รัฐสภาพิจารณาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ โดยน่าจะเริ่มเปิดการเจรจากับอียูอย่างเป็นทางการได้ในต้นปี 56 และอ้างว่า ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้ว รวมถึงกลุ่มยาที่คัดค้านการเปิดเจรจา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน (TPMA) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาชื่อสามัญในประเทศ ได้ทำหนังสือที่ ท.032/2555 ถึงอธิบดีกรมเจรจาฯเพื่อแสดงจุดยืนของสมาคมต่อการเปิดเขตการค้าเสรี ไทย-สหภาพยุโรป (EU) และ ไทย-สมาคมการค้ายุโรป (EFTA) ระบุว่า สินค้ายาสำเร็จรูปที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยส่วนใหญ่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU-EFTA) และสหรัฐฯ แต่ประเทศหลักที่ไทยส่งยาออกไปไม่ใช่ประเทศเหล่านี้ ดังนั้น ในหมวดสินค้ายาในรูปวัตถุดิบ สินค้ายาสำเร็จรูป และของเสียจากเภสัชภัณฑ์ประเทศไทยจะไม่ได้ประโยชน์จากการเจรจาเอฟทีเอแต่อย่างใด จึงขัดกับหลักการและวัตถุประสงค์ของการเจรจาเอฟทีเอที่ว่าจะส่งเสริมให้การค้าระหว่างกันสูงขึ้น ทางสมาคมฯจึงไม่เห็นด้วย
“เพราะนอกจากประเทศไทยจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากความตกลงดังกล่าวแล้ว กลับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้สินค้ายาฯมีปริมาณและมูลค่านำเข้าที่สูงขึ้น ประกอบกับถ้าหากกรมเจรจาฯยอมรับข้อผูกพันที่มากกว่าความตกลงทริปส์ หรือ ทริปส์พลัส ก็จะทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงและใหญ่หลวงต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ”
ทางด้านนายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า การที่รัฐมนตรีพาณิชย์อ้างว่าได้รับฟังความเห็นทุกฝ่ายแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตามที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้นัดหมายเพื่อรับฟังความเห็นเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างกระชั้นชิด จดหมายเชิญส่งมาวันเดียวกับที่นัดรับฟัง ราวกับไม่ได้ต้องการรับฟังจริงๆ ทางเครือข่ายงดเหล้าจึงทำหนังสือขอให้นัดประชุมใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดรับฟัง ทางเครือข่ายฯจึงจะร้องเรียนไปยังคณะกรรมธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร
“เราไม่ได้ต่อต้านการค้าเสรี แต่เราคิดว่า การที่รัฐบาลเป็นนักประชาธิปไตยต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่มาพูดตลอดเวลาว่า อียูต้องการลดภาษีแอลกอฮอล์ให้ได้ 90% ดัง นั้นต้องรับเงื่อนไขนี้ กรมเจรจาฯไม่เคยเอาความเห็นของประชาชนไปพิจารณาว่า ควรกำหนดให้สินค้าแอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นสินค้าทำลายสุขภาพ แม้แต่ในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพก็ยังมีจุดยืน เช่นนี้ให้ถอดสินค้าทำลายสุขภาพเหล่านี้ออกจากการเจรจา นอกจากนี้ เราไม่อยากเห็น กรมเจรจาฯทำให้รัฐบาลตกอยู่ในภาวะหมิ่นเหม่ต่อการรัฐธรรมนูญเพราะไม่เคยนำ กรอบเจรจาฯรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนเข้ารัฐสภา ทั้งที่เมื่อจะเริ่มเจรจาอียู-อาเซียนยังนำกรอบไปรับฟังความคิดเห็น”
เมื่อ ช่วงเช้าที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค สธ.ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อ ประกอบความเห็นของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง “นโยบายแอลกอฮอล์เพื่ออนาคตเยาวชนไทย” ซึ่งหนึ่งในข้อเสนอของสภาที่ปรึกษาฯคือให้คงมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์แอลกอฮอล์แห่งชาติ โดยละเว้นการบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการเจรจาเอฟทีเอ ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคจะนำเสนอข้อสรุปนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายใน 25 วันตามคำสั่งสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี