วัน ที่ 9 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เครือข่ายส่งเสริมให้เภสัชกรอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในร้านขายยาตลอดเวลาการทำการ พร้อมด้วยผู้ดำเนินโครงการผู้บริโภคปลอดภัย เภสัชกรไทยไม่แขวนป้าย, แผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา(กพย.) สมาคมเภสัชกรชุมชน(ประเทศไทย) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย และสภาเภสัชกรรม ได้ยื่นหนังสือต่อนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สธ.
ภก.ณรงค์ชัย จันทร์พร ผู้ประสานงานเครือข่ายกล่าวว่า การมายื่นจดหมายเพื่อเรียกร้องให้รมว.สธ.เร่งรัดเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ตามพ.ร.บ.ยาฉบับปัจจุบันที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2529 ว่าร้านยาต้องมีเภสัชกรประจำตลอดเวลาที่เปิดทำการ เพื่อลดความเสี่ยงทางสุขภาพที่ผู้บริโภคอาจได้รับจากการใช้ยา อาทิ การใช้ยาอันตราย การแพ้ยา การกินยาสเตียรอยด์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เคยสำรวจมาแล้วว่าร้านขายยากว่าร้อยละ 80 ไม่มีเภสัชกรประจำร้าน รวมทั้งยังต้องเร่งรัดการออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการคุมเข้มการซื้อขายยาใน ร้านในฐานะสถานประกอบวิชาชีพการขายยา เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบในเรื่องการใช้ยาเกินความจำเป็น
ด้าน ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ อุปนายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่าขณะนี้ร้านขายยากว่า 20,000 แห่งมีร้านที่มีเภสัชกรประจำร้านตลอดเวลาทำการแค่ไม่เกิน 2,500 แห่ง อีก 8,000 แห่ง มีการแขวนป้ายไว้ว่ามีเภสัชประจำร้าน แต่ตัวเภสัชไม่อยู่ โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา สภาคุมเข้มเรื่องนี้หากพบว่าใน 1 ปีร้านขายยาใดไม่มีเภสัชฯ ซึ่งดำเนินการไปแล้วกว่า 300-400 ราย หากไม่มีเภสัชกรประจำร้านต่อเนื่อง 3-4 ครั้งก็จะพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นเวลา 1 ปี และหากทำซ้ำก็จะเพิกถอนใบอนุญาต แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีรายใดถูกเพิกถอน
ด้าน นายวิทยากล่าวว่าจะกำชับและขอความร่วมมือให้ร้านขายยาปฏิบัติตามกฎหมายดัง กล่าว ทั้งนี้สำหรับโครงการไข่แลกยาขณะนี้พบว่ามีประชาชนนำยามาคืน 36,710,0591 เม็ด โดยจะมีการเปิดโครงการเพิ่มในกทม.วันที่ 23-26 ก.ค.นี้ สถานที่รับยาคือ 1.ร.พ.สังกัดสธ. 9 แห่ง 2.ศูนย์การค้าต่างๆ และ 3.สถานีรถไฟฟ้า
ข้อมูลจาก นสพ.ข่าวสด 10.7.55