ช่วงนี้หลังจากบรรยายเสร็จ สังเกตว่าในวงกาแฟ วงข้าวกลางวันหลายๆที่มีเรื่องคุยกันอีกหัวข้อหนึ่งที่กำลังฮิต มิได้ครับ ไม่ใช่เรื่องสายลับสปายใดๆทั้งสิ้นแต่เป็นเรื่องใกล้ตัวคือเรื่องสุขภาพนั่นเอง
ฟังดูก็ไม่แปลกแต่อย่างใด แต่ข้อใหญ่ใจความอยู่ที่เรื่องที่คุยนั้นไม่พ้นการกินยาว่าใครกินยาดีกว่ากันเพียงไร ในที่สุดก็ควักเอาถุงยาตราโรงพยาบาลสารพัดมาโชว์กัน เรียกว่า “อวดถุงยา” นั่นเอง
ยิ่งใครมีถุงยาสวยจากโรงพยาบาลที่ผลิตขึ้นมาเพื่อให้คนไข้สบายใจกับยาเยอะ!?
ใครยิ่งมีมากก็ว่า “สุดยอด” กลายเป็นว่ายิ่งจ่ายแพงเท่าไรได้ยาเยอะ ยานอกเท่าไรยิ่งได้หน้าได้ตาเท่านั้น ตกลงยานี่ ยังช่วยเชิดชูฐานันดรได้อีกโสตหนึ่งด้วย ถึงตอนนี้บางท่านอาจเริ่มเกาหัวแกรกแล้วว่าจะให้ตูทำอย่างไร กินดีก็ไม่ได้ ไม่ให้กินก็ไม่หาย จะเอาอย่างไรดี ก็เอาเป็นว่าจะขอล้วงความลับเรื่องยาเอามาให้ท่านได้ทราบกันครับ
“ยากิน”ความเชื่อกับความจริง
มีคนไข้หลายรายที่มาหาแล้วบอกว่าทำไมไปหาหมอที่โน่นนี่ที่ว่าดี ยาก็ยานอก กินเข้าไปจนขมคอแล้วก็ยังไม่หาย เศร้าใจสิ้นดี จึงได้คิดว่าถ้าได้เอาประสบการณ์ที่ทำงานบรรยายให้กับบริษัทยานอกหลายที่ มาเล่าให้ท่านที่รักฟังถึงความจริงเกี่ยวกับเรื่องยาดังนี้ครับ
1.ยานอกต้องเป็นยาดี 2.ยาแพงต้องดี 3.ยาเยอะต้องดี 4.โรงพยาบาลหรูต้องดี 5.กินหายเร็วถึงจะดี 6.ได้ยาหลายหมอถึงจะสุดยอด 7.กินยานี้แล้วหาย เราต้องหายบ้าง
สิ่งเหล่านี้ทำให้รู้ว่ายังมีความงุนงงอยู่มากเกี่ยวกับเรื่องการใช้ยาซึ่งหลายอย่างอันตรายมาก อย่างราคายาที่แพงซึ่งมาจากค่าโฆษณาที่เราต้องจ่ายเพิ่ม หรือลางทีก็เป็นยาเดิมนั่นเองเพียงแต่ผู้ผลิตเขาปรับแต่งเพียงนิดแล้วผลิตออกมาบอกว่าเป็นของใหม่ก็ทำให้เรารู้สึก “ใหม่” ได้แล้ว
ความเข้าใจเรื่องยาของคนแต่ละชาตินี้ก็ต่างกันนะครับ ลองดูอย่างฝรั่งเขา เขาจะรู้สึกว่ายิ่งไม่ต้องกินยาน่ะเป็นเรื่องดี และเวลาเจ็บป่วยถ้าพยายามพักฟื้นที่บ้านได้จะเป็นเรื่องยอดก็จะดูผิดกับของเราที่บางทีเราโหมทำงานหนักจนฟุบไปแล้วก็คิดว่า อา...สบายดีจะได้พักฟื้นในโรงพยาบาลเสียทีเดียวเลย
เพราะคนที่รู้จริงเขาจะรู้ว่าโรงพยาบาล นั้นเป็นที่สำหรับคนป่วยหนักจริงหรือจำเป็นจริง ไม่ใช่ที่สำหรับพักนอนเล่น ถ้าจะไปหาที่อย่างนั้นก็ไปพักรีสอร์ตหรือโรงแรมสวยๆ เสียก็หมดเรื่องอย่าไปเอาเรื่องนอนโรงพยาบาลมาเป็นเรื่อง จะเอาแบบชิดธรรมชาติขนาดประมาณเสือนอนกลิ้งจิ้งหรีดร้องเพลง ที่มีให้เลือกอยู่ดาดดื่นครับ
ขอให้ใช้ชีวิตแบบปลอดโรคปลอดยามากเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องรักษายากยามป่วยหนักจริง
ถุงยาน่ะอย่าไปเผลอ “เห่อ” มันเข้าเชียวนะครับ
* นพ.กฤษดา ศิรามพุช
ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ American Board of Anti-aging medicine This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
สำนักข่าวเนชั่น วันที่ 17 ธันวาคม 2552