มาดูกรณีตัวอย่างจากคุณวรรณดี ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ชั้นหนึ่งกับบริษัท ประกันภัยแห่งหนึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คุณวรรณดีพร้อมกับครอบครัวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ คือระหว่างขับรถกลับจากธุระ รถยนต์ที่นั่งมานั้นเกิดเสียหลักพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าอย่างแรง รถยนต์พลิกคว่ำเสียหายมาก ความแรงของการพุ่งชนทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นลงมาด้วย
ยังโชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส เรื่องทางกายไม่มีปัญหา แต่มามีปัญหากลุ้มใจมาก ๆ ก็เรื่องประกัน
ภายหลังอุบัติเหตุคุณวรรณดีติดต่อกับบริษัทประกันภัยเพื่อให้มาจัดการปัญหาเรื่องรถยนต์ที่เสียหาย บริษัทฯ จัดการนำรถยนต์เข้าซ่อมในวันถัดมา จากวันนั้นถึงวันที่มาปรึกษากับศูนย์ฯ ระยะเวลาก็เลยมากว่า 2 เดือน ตลอดเวลาที่ติดต่อกับทางบริษัท ฯ ได้ทราบข้อมูลเพียงว่า รถยังไม่ได้ซ่อมแซมและตัวแทนยังให้คำแนะนำอีกหลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทำให้ผู้บริโภคเสียโอกาสมากกว่าจะช่วยบรรเทาปัญหา
คุณวรรณดีเกือบพลาด ด้วยเหตุเกิดจากความไม่รู้ในสิทธิของตนที่พึงได้จากการทำสัญญาประกันภัยชั้นหนึ่ง เมื่อข้อมูลไม่ชัดเจนทำให้การต่อรองเจรจาทำได้ไม่ดีพอที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ ตลอดจนท่าทีของบริษัทฯ ที่บ่ายเบี่ยงและให้คำแนะนำซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรแก่ผู้บริโภค คุณวรรณดีจึงต้องขอคำปรึกษากับศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค
ทางศูนย์ฯ เห็นว่า บริษัทใช้ประโยชน์จากความไม่รู้ของผู้บริโภคมาหลีกเลี่ยงการชดเชยในส่วนของการซ่อมรถยนต์ จึงประสานงานให้เกิดการเจรจาระหว่างผู้บริโภคกับบริษัทฯ เพื่อแก้ไขปัญหาผลการเจรจาซึ่งได้ทำลายลักษณ์อักษรไว้เป็นหลักฐาน สรุปได้ว่า
คุณวรรณดีต้องการให้บริษัท ฯ ดำเนินการซ่อมรถจนอยู่ในสภาพใช้งานได้ ซึ่งไม่เกินกว่าทุนประกันภัยที่ทำไว้ ใช้อะไหล่เก่าได้ แต่ต้องมีสมรรถภาพใช้งานใกล้เคียงของเดิม ตลอดจนระยะเวลาซ่อมไม่เกินสามเดือน
เรื่องทำท่าคลี่คลายไปด้วยดี ถ้าไม่เกิดปัญหาตามมาอีก คราวนี้คุณวรรณดีเจอกับใบแจ้งหนี้ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเจ้าของเสาไฟฟ้าต้นที่รถของคุณวรรณดีไปชนจนหัก รวมเป็นเงินค่าเสาไฟฟ้าทั้งสิ้น 32,000 บาท
รถยังซ่อมไม่เสร็จ ก็ให้มีเหตุเกิดหนี้สินอีก ผู้บริโภคจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเพราะไม่มีเงินพอจะไปจ่ายให้กับการไฟฟ้า ฯ
อันที่จริงหากคุณวรรณดีเข้าใจในสิทธิที่พึงจะได้รับการคุ้มครองจากประกันภัยชั้นหนึ่ง คุณวรรณดีคงไม่กลุ้มมากนัก เพราะบริษัทประกันภัยจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด ไม่งั้นจะจ่ายค่าเบี้ยประกันชั้นหนึ่งไปทำไมตั้งมากมาย
จึงฝากผู้บริโภคทุกท่าน โปรดอ่านสัญญาการคุ้มครองการประกันภัยให้ละเอียดและถามกับตัวแทนประกันให้ชัดเจนเพื่อจะได้ไม่เสียประโยชน์ที่พึงมีพึงได้
ข้อควรจำอย่างง่ายเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์
- ประกันชั้นหนึ่ง บริษัท ฯ จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดไม่ว่ารถคุณจะไปชนกับอะไรก็ตามภายใต้วงเงินตามกรมธรรม์ระบุ
- ประกันชั้นสอง บริษัท ฯ กับคุณมีความรับผิดชอบร่วมกัน สัญญาจะระบุว่าคุณต้องจ่ายอะไร บริษัทต้องจ่ายอะไร
- ประกันชั้นสาม บริษัท ฯ รับผิดชอบรถยนต์คันที่เราขับไปชน แต่เราต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถของเราเอง
- ประกัน พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 คุ้มครองสุขภาพทุกคนที่อยู่ในรถ บุคคลที่สามที่ไม่ได้อยู่ในรถแต่ได้รับบาดเจ็บเพราะรถ