คลินิกหนี้

600704 debt

สวัสดีครับ...ท่านผู้อ่านทุก ๆท่าน
คิดว่าคงยังไม่สายเกินไปนะครับ ถ้าวันนี้จะกลับมาคุยถึงเรื่อง โครงการคลินิกแก้หนี้กันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาหนี้ในอนาคต


ในช่วงนี้ใครที่กำลังติดตามนโยบายหรือข่าวสารในเรื่องของการเงินอยู่เป็นประจำคงจะได้รู้จักหรือได้ยินเรื่อง โครงการคลินิกแก้หนี้ ซึ่งมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการและให้ทางบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือที่เรียกชื่อย่อว่า SAM เป็นคนจัดการ ซึ่งมีการเริ่มต้นดีเดย์ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ซึ่งคลินิกแก้หนี้นั้นจะเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่มีหนี้สินคงค้างชำระแก่ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 2 แห่ง นำหนี้ทั้งหมดมารวมไว้ที่คลินิกแก้หนี้ที่เดียว จากนั้นทาง SAM จะเข้ามาจัดการเป็นตัวกลางในการช่วยปรับโครงสร้างหนี้ระหว่าง เจ้าหนี้และลูกหนี้

ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่เข้าร่วมโครงการคลินิกหนี้นั้นจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. เป็นบุคคลธรรมดาและต้องมีเงินเดือนประจำ
2. อายุไม่เกิน 65 ปี (ต้องไม่เกินตลอดอายุที่อยู่ในโครงการ
3. มีหนี้เงินค้างชำระไม่เกิน 2 ล้านบาท และยังไม่ถูกฟ้องคดี
4. มีบัตรเครดิตและสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันค้างเกินกว่า 3 เดือน กับทางธนาคารพาณิชย์ 2 แห่งขึ้นไปก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ใน 17 ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ

เมื่อท่านได้ทราบคุณสมบัติของผู้ที่เข้าร่วมโครงการแล้ว ตอนนี้มาดูเงื่อนไขของทางโครงการบ้าง ซึ่งมีเงื่อนไขสำคัญดังนี้
1. ไม่ลดเงินต้น ในส่วนของดอกเบี้ยค้างชำระ เช่น เบี้ยปรับ เบี้ยทวงถาม เบี้ยค่าติดตาม ที่ลูกหนี้มีอยู่ก่อนที่จะเข้าโครงการนั้น ทางโครงการจะยกให้เมื่อชำระหนี้เสร็จสิ้น
2. ดอกเบี้ย 4-7 % คิดตามรายได้เงินเดือนของลูกหนี้แต่ละคน และมีระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี และที่สำคัญก็คือ ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการต้องมีความสามารถในการชำระหนี้ได้

ถ้าลูกหนี้ได้ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการได้ ลูกหนี้จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
1. หมดปัญหาเรื่องการทวงหนี้จากเจ้าหนี้
2. ช่วยลดภาระการผ่อนจ่ายต่อเดือน
3. ได้รับการรวมหนี้และผ่อนชำระในที่เดียวและได้รับความรู้ในเรื่องการวางแผนทางการเงินเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารหนี้ในอนาคต

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้นนั้นเป็นเพียงนโยบายที่เชิญชวนให้ลูกหนี้ได้เห็นประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ แม้โครงการนี้จะอำนวยความสะดวกให้กับคนที่มีหนี้สินมาก แต่การที่จะได้รับอนุมัติการเข้าร่วมโครงการนั้นจะต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของ SAM ไม่ใช่ลูกหนี้แค่มีหนี้สินก็จะสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ทุกคน

แต่ประเด็นสำคัญที่ทุกท่านควรที่จะทำความเข้าใจก็คือ ไม่ว่าจะเป็นการประนอมหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ หรือการเข้าร่วมโครงการคลินิกหนี้ ก็ล้วนแต่เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นการชำระหนี้แทนลูกหนี้ แต่เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีคนกลางคือ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท เป็นคนกลางเข้ามาช่วยเจรจาไม่ให้ดอกเบี้ยเกิน 7 %

ซึ่งลูกหนี้ที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้จะต้องมีความสามารถที่จะชำระเงินได้ตลอดทั้งโครงการ และประเด็นที่สำคัญก็คือ ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องชำระค่างวดให้ตรงตามสัญญาของการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งหากมีการผิดสัญญาจะมีผลทำให้สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่ลูกหนี้ทำกับโครงการอยู่นั้นสิ้นสุดลงทันทีและลูกหนี้ก็จะต้องออกจากโครงการ

เพราะฉะนั้นก่อนที่ท่านจะตัดสินใจเข้าร่วมโครงการควรพิจารณาถึงส่วนดีและส่วนที่ไม่ดีของโครงการควรพิจารณาให้รอบคอบ ดูรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจน อย่าลืมว่าอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน การที่ท่านชำระหนี้โดยการใช้ระยะเวลาที่ยาวนานอาจจะมีปัญหาหรือมีอุปสรรคขึ้นมาได้ รู้เขารู้เราจะได้ไม่เสียเปรียบครับ

พิมพ์ อีเมล