เมื่อภูมิคุ้มกัน คุ้มดี คุ้มร้าย

แพทย์หนุ่มจากจุฬาฯ แนะ 8 สูตรไม่ลับ สำหรับดูแล "ภูมิคุ้มกัน" ให้แข็งแรงทำหน้าที่ได้แข็งขัน และไม่ออกนอกลู่นอกทางจนกลายเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง 
ขนาดคนยังแปรพักตร์ แพนด้ายังแอบคลอดลูกไม่บอกใคร แล้วนับประสาอะไรกับภูมิในกายเราที่จะผันแปรไปดุจใจชายสามโบสถ์ได้เช่นกัน วันดีดุจเทวากับเราช่วยผจญเชื้อร้าย วันพรุ่งอาจผีเข้าเป็นภูมิซาตานมุ่งเหยียบเราเอาให้จมดินเลยก็ได้ ดังโรคประหลาดที่ชื่อว่า “แพ้ภูมิตนเอง (Autoimmune disease)” ที่อยู่ๆ กันไปก็ชักชังน้ำหน้าตัวเองพ่อเลยแปรพักตร์เพี้ยนพอกับชกกันในสภาหาเรื่องสร้าง “ธาตุต้านตัว (Antibody)” ขึ้นมาทำร้ายองคาพยพภายในเสียสิ้น

ถ้าไม่กิน “ยากดภูมิ” เสียหน่อย ภูมิคุ้มกันก็คงหมดเนื้อหมดตัวเสียยิ่งกว่าเล่นกาสิโนเขมร ที่จริงถ้าได้ป้องกันเสริมภูมิให้ดีตั้งแต่แรกจะช่วยชะลอโรคภูมิเพี้ยนทุเลาให้อยู่ในระยะสงบ (Remission period) ได้ดีขึ้น ไม่ต้องใช้โอสถที่ชื่อน่ากลัวว่า “ยากดภูมิ” ช่วยเสริมด้วย ซึ่งในสำรับยากดภูมิที่ว่ามักมีสเตียรอยด์เป็นยาดำแทรกอยู่เสมอ

สูตรเสริมภูมิง่ายๆ ไม่ต้องรอจนเหนียงยานประเภท “Do it yourself (DIY)” ทำได้เองให้ภูมิคุ้มกายได้ไม่กลายเป็น “ภูมิสังหาร” มีหลักอยู่ไม่กี่ประการ แต่หลักๆ ก็คือตัวท่านเองและธาตุสร้างภูมิที่ชื่อ “แอนตี้ออกซิแดนท์” ยิ่งเติมสะสมไว้ได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี ขอนำสูตรสำเร็จเผด็จภูมิเพี้ยนมาฝากดังต่อไปนี้ครับ

1) นอนเป็นเวลา เข้านอนแต่สี่ทุ่มตื่นหกโมงเช้าเช่นนี้ทุกวันไม่เว้นวัน เพราะมันจะช่วยให้สมองท่านสร้างเคมีที่เป็นเสมือนแอนตี้ออกซิแดนท์ต้านสนิมภูมิแก่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2) พาออกกำลัง ขอให้ได้เหงื่อเล็กๆ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง 4 วันต่อสัปดาห์ก็จะดีมากครับ

3) เติมพลังอาหาร หาธาตุเติมภูมิกระแทกท้องโดยเฉพาะ วิตามินเอ, ซี, อี และสังกะสีที่มีมากในผักเขียวจัด (5 ขีด), กระเทียมสด (10 กลีบ),หอยนางรมและปลา (1 ขีดต่อวัน) ขอให้กินให้ได้อย่างน้อยวันเว้นวันเพราะมันจะช่วยสร้างทหารเลือดขาวคุ้มกายเราและไม่ทำให้ภูมิเพี้ยน

4) สานต่อยอดภูมิ เติมอาหารซูเปอร์เสริมภูมิเช่นสารสกัดเมล็ดองุ่น (OPCs) ที่มีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินซีกับอีถึงห้าสิบเท่า, ดีเอชอีเอ, แอลฟ่าไลโพอิก, แอล-คานิทีน, โคเอนไซม์คิวเท็น, สารอีจีซีจี (EGCGs) ในชาเขียวหรือจุลินทรีย์ตัวจ้อยกลุ่มโพรไบโอติกส์จากโยเกิร์ตขนานแท้สักวันละครั้งก็จะทำให้ภูมิในไส้แข็งแรงดี เมื่อภูมิดีไปถึงในไส้พุงแล้วมันก็จะเปล่งพลังออกมาถึงภายนอกเองครับ

5) คอนซูมน้ำมาก คือดื่มน้ำให้ช่วยลดการอักเสบในการได้ต้องดื่มให้ได้ตามน้ำหนักตัวอย่างน้อย 1 ออนซ์ (30 ซีซี.) ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

6) อย่าอยากฉีดยา ขอท่านที่รักอย่ากลัวโรคมากจนเกินไป เพียรไปฉีดวัคซีนเท่าที่มีอยู่ในสากลโลก หรือไม่กล้ากินอาหารข้างถนน เพราะคนยิ่งกลัวยิ่งทำให้ไร้ภูมิครับ

7) พาตัวติดดิน ขอให้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ธรรมชาติบ้าง ฉีดวัคซีนแต่พอประมาณตามที่หลวงท่านแนะนำและขอให้ออกแดดเล่นดินทราย ออกเดินเท้าเปล่าสัมผัสกับธาตุดินนุ่มเย็นบ้างแต่กลับมาให้ล้างเท้าให้ดี จะได้ไม่มีพยาธิปากขอแถมเข้ามา

8) ไม่สิ้นความหวัง ความทุกข์โทมนัสอุปายาสทั้งหลายเป็นตัวทำให้ “ธาตุเครียด” ถูกปล่อยออกมาในเลือดทำให้ไปกดทหารเม็ดเลือดขาวให้ไร้เรี่ยวแรงพาขี้เกียจไม่อยากทำงานต้านโรคให้กับตัวเรา สังเกตได้ว่าเวลาเครียดจัดจะป่วยง่ายเพราะเม็ดเลือดขาวถูกกดไว้ให้เป็นช่องว่างกว้างขวางรอรับโรคเข้ามาได้ประเภทที่เรียกว่าเดินสะดุดเชื้อโรคก็ติดเสียแล้ว

ด้วยเรื่องภูมิเป็นเรื่องสำคัญในทางอายุรวัฒน์และทางการแพทย์ทุกสาขาเพราะมันอาจทำตัวเป็น “เทวา” หรือ “ซาตาน” ก็ได้เพียงชั่วลัดนิ้ว จึงอยากฝากบัญญัติทั้งแปดข้อนี้ไว้ในอ้อมใจของทุกท่าน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเสมือนยันต์ตราเจ้าพ่ออนุมูลอิสระกันภูมิเสื่อม และช่วยฝึกฝนภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ของท่านให้ทำตัวสัตย์ซื่อไม่ลวงพรางหรือห้าวเป้งทำร้ายตัวเองจนอ่วม

แค่นี้ท่านก็มีของดีที่ช่วยให้ภูมิคุ้มกายดีไม่แปรพักตร์ไปเป็น “ภูมิคุ้มดีคุ้มร้าย” ได้แล้วครับ 

นพ.กฤษดา ศิรามพุช พบ.(จุฬาฯ)
นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 30-6-52




ภูมิคุ้มกัน , ร่างกาย, กฤษดา ศิรามพุช

พิมพ์ อีเมล