ประกันภัยยอมจ่ายเต็มหน้าตักกรณีผู้เสียหายสาหัสจากอุบัติรถโดยสารเบรกแตกชนรถนักเรียน ส่วนเกินจากประกันให้เรียกร้องจากบริษัทรถเอง ผู้เสียหายโอดถูกกดค่าเยียวยา ขอร่างกายแข็งแรงคืนมา
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 58 กลุ่มประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจำนวน 15 ราย จากกรณีรถอุบัติเหตุ รถโดยสารประจำทางสาย เชียงใหม่ – อุดรธานี เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ของ บริษัทจักรพงษ์ทัวร์ เบรกแตกบริเวณ 4 แยกท่าขาม พุ่งเข้าชนรถนักเรียน ก่อนพุ่งเข้าชนบ้านเรือนข้างทางอีก 3 หลัง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เข้าเจรจาค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทวิริยะประกันภัย ซึ่งไม่มีตัวแทนบริษัทจักรพงษ์ทัวร์เข้าร่วม โดยมีผู้แทนพนักงานตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง และผู้อำนวยการคณะกรรมการส่งเสริมธุรกิจประกันภัยจังหวัดลำปาง เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการเจรจาครั้งนี้ โดยมีสมาคมชีวิตดีจังหวัดลำปางเป็นผู้ประสานงานการเจรจา ณ ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดลำปาง
ผลการเจรจากรณีผู้เสียหายจากรถโดยสาร บริษัทวิริยะประกันภัย ยอมจ่ายเต็มวงเงินประกันภัยทั้ง พ.ร.บ.ประกันภัยภาคบังคับ 50,000 บาท ประกันภาคสมัครใจ 300,000 บาท และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) อีก 50,000 บาท โดยหักค่ารักษาพยาบาล จำนวน 2 ราย ตกลงค่ารักษาพยาบาลกันได้ 2 ราย นัดเจรจาอีกครั้งจำนวน 3 ราย
กรณีผู้เสียหายจากรถนักเรียน จ่ายเต็มวงเงินประกันภัยทั้ง พ.ร.บ.ประกันภัยภาคบังคับ 50,000 บาท และประกันภาคสมัครใจ 300,000 บาท โดยหักจากค่ารักษาพยาบาล จำนวน 4 ราย คือ กรณี ด.ญ.ชฎาธาร ศิลัยพาณิช และ ด.ญ.จารุวรรณ ทรายคำ ที่บาดเจ็บสาหัสและต้องรักษาพยาบาลต่อเนื่อง และอีก 2 รายเป็นกรณีผู้เสียชีวิต โดยตกลงค่าสินไหมไม่ได้อีก 4 ราย และจะนัดเจรจารอบ 2 พร้อมรายละเอียดเพิ่มเติมด้านการรักษาพยาบาล
ทั้ง 2 กรณีส่วนที่ตกลงกันได้นัดจ่ายเช็คเงินสดวันที่ 7 ส.ค.58 และส่วนที่ตกลงกันไม่ได้นัดเจรจาอีกครั้งวันที่ 9 ส.ค 58 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานบริษัทวิริยะประกันภัย จังหวัดลำปาง ส่วนเกินจากบริษัทประกันภัยนั้นให้ผู้เสียหายเรียกร้องจากบริษัทจักรพงษ์ทัวร์เอง
นายอัสสชิ อักษรดี หนึ่งในผู้เสียหายที่โดยสารมากับรถจักรพงษ์ทัวร์แล้วเกิดอุบัติเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่าจากอาการบาดเจ็บแพทย์วินิจฉัยว่าปอดฉีกทั้ง 2 ข้าง กระดูกสันหลังและซี่โครงหัก กระดูกไหปลาร้าด้านขวาหลุด อาการสาหัส ทำให้ตนต้องหยุดงานรักษาตัวทำงานไม่ได้ ในขณะที่ตนเป็นแรงหลักในการหาเลี้ยงครอบครัวที่ประกอบด้วยลูก 2 คนที่กำลังเรียน แม่ที่แก่ชรา ที่ผ่านมา บริษัทประกันผลักภาระให้ตนไปใช้สิทธิบัตรทอง โดยบอกว่าอาการบาดเจ็บไม่ครอบคลุมสิทธิประกันภัยภาคสมัครใจ
“ วันนี้ผมเรียกค่าเสียหายไป 400,000 บาท แต่บริษัทประกันยอมจ่ายผมเพียง 270,000 บาท โดยใช้วิธีกดดัน บีบให้ยอมรับ หากไม่ยอมก็จะลดเงินไปเหลือ 200,000 บาท ทั้งที่ผมยังต้องรอผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บอยู่และก็ยังไม่แน่ใจว่าร่างกายจะกลับมาปกติเหมือนเดิมไหม ทำให้ผมต้องยอมรับ ถ้าไม่ยอมก็จะไม่มีเงินไปดูแลครอบครัว เพราะตอนนี้ยังทำงานเหมือนเดิมไม่ได้ เงินจำนวนเท่านี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น หากเป็นไปได้ผมขอร่างกายแข็งแรงกลับคืนมาจะดีที่สุด ” นายอัสสชิกล่าว