“ยา” มีความสำคัญกับชีวิต เป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่เราพึ่งพายามเจ็บไข้ได้ป่วย แต่การใช้ที่ไม่ถูกวิธีก็อาจนำมาซึ่งอันตราย เช่น อาจเกิดอาการแพ้ยา ซึ่งหลายคนไม่ทราบว่ายาตัวไหนที่เราแพ้ เพราะขาดความรู้เรื่องชื่อสามัญทางยา
รู้จักเพียงแต่ชื่อยี่ห้อของยานั้นๆ ซึ่งหากเรารู้ชื่อสามัญของยาที่เราแพ้ เราก็สามารถบอกกับแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบเพื่อไม่ให้จ่ายยาชนิดดังกล่าวให้ เรา หรือรู้ถึงสาเหตุของอาการแพ้ยาที่เกิดขึ้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังใช้ยาโดยไม่รู้จักชื่อจริงๆ ของยา (ที่เรียกว่า “ชื่อยาสามัญของยา”) แต่กลับรู้จักแค่ “ชื่อการค้า” (หรือชื่อยี่ห้อ) ที่บริษัทพยายามให้เราติดหูติดตา ทำให้เกิดปัณหาตามมามากมาย เช่น การใช้ยาซ้ำๆ กันโดยไม่รู้ตัวจนอาจได้รับยาเกินขนาด หรือเกิดอาการแพ้ยาโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองแพ้ยาอะไร ซึ่งเรื่องแบบนี้อาจทำให้เกิดอันตายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ปัจจุบันธุรกิจยาเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงมาก บริษัทยาจึงพยายามทำให้ประชาชนผู้บริดภคติดกับชื่อการค้าของยามากขึ้น โดยเฉพาะยาจากต่างประเทศ (หรือที่บางคนเรียกว่า “ยาฝรั่ง”) ทำให้หลงใช้ยาที่แพง ทั้งๆ ที่มีตัวยาเดียวกันที่คุณภาพเท่ากัน แต่ราคาถูกกว่ามาก
เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้ยา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผู้บริโภคจำเป็นต้องรู้จักยาที่จะใช้ วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เรารู้ได้ก็คือการถาม จากคุณหมอหรือเภสัชกรที่เป็นคนจ่ายยาให้กับเรา ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับยาที่เราควรรู้มีดังนี้
1.ชื่อยาสามัญของยานี้คืออะไร ?
2.ยานี้มีสรรพคุณอย่างไร ?
3.ยานี้ใช้อย่างไร ?
4.ยานี้ต้องระวังอย่างไร ? มีคำเตือน ข้อห้าม หรือข้อควรระวังอย่างไรบ้าง?
5. หากไปซื้อยาหรือรับยาจากร้านขายยาแผนปัจจุบัน ต้องสอบถามหรือดูให้แน่ใจว่า คนที่จัดยาให้กับเราเป็น “เภสัชกร” เพราะถือเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของเภสัชกรประจำร้านขายยาแผนปัจจุบันที่จะ ต้องอยู่ทำหน้าที่ของตนในการยาหายาอย่างถูกต้องตรงกับโรคที่ผู้ป่วยต้องการ รักษา เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
ซึ่งกฎหมายได้มีการกำหนดไว้ว่า ร้านขายยาปัจจุบันทุกแห่งต้องมีเภสัชกรประจำตลอดเวลาที่เปิดจำหน่ายยา หากไม่พบ ขอให้แจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือสภาเภสัชกรรม