บ้านที่เราซื้อมาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและจะต้องอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายสิบปีหรือตลอดชีวิตของเรา แต่เมื่อซื้อแล้วและเข้าไปตรวจสอบพบความชำรุดบกพร่อง ผู้บริโภคมีสิทธิดังต่อไปนี้
1. สิทธิที่จะเรียกร้องให้ผู้ขายหรือเจ้าของโครงการ แก้ไขในความชำรุดบกพร่อง โดยที่ผู้บริโภคต้องทำเป็นจดหมายแบบไปรษณีย์ตอบรับและทำสำเนาไว้ 1 ชุด (เพื่อรองรับไปรษณีย์ตอบรับกลับมา) ซึ่งผู้บริโภคสามารถกำหนดระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จประมาณ 15 วัน หรือ 30 วัน ถ้าเกินเวลาที่กำหนดไว้และผู้ขายหรือเจ้าของโครงการยังไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ลุล่วง ผู้บริโภคต้องรีบร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยหรือฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคต่อไป
ในส่วนของการฟ้องคดีเพื่อให้ผู้ขายรับผิดชอบจะต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่ได้พบเห็นถึงความชำรุดบกพร่อง และผู้บริโภคควรที่จะจดบันทึกความเสียหายต่าง ๆ ภายในบ้าน พร้อมถ่ายรูปเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการต่อไป
2. ผู้บริโภคมีสิทธิในการใช้สิทธิยึดหน่วงของราคาทั้งหมดหรือแต่บางส่วน จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาที่ชำรุดบกพร่องให้เรียบร้อย
3. ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะยกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายได้
สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่สามารถใช้สิทธิให้ผู้ขายแก้ไขปัญหาที่ชำรุดบกพร่องให้เรียบร้อยภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งสามารถที่จะพบเห็นได้ภายนอก แต่ถ้าผู้บริโภคได้เข้าไปตรวจภายในบ้านและไม่พบเหตุแห่งการชำรุดบกพร่องในภายนอก แต่เกิดมีความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นภายในของตัวบ้าน อันไม่สามารถเห็นประจักษ์ในขณะที่ตรวจสอบหรือส่งมอบบ้าน เช่น เกิดจากโครงสร้างภายใน เหล็กเส้นที่ถูกสนิมกัดกินจนกร่อน ซึ่งเป็นเหคุให้มีการเสื่อมสภาพของตัวอาคาร แม้ในขณะตรวจสอบก็ได้มีการตรวจดูบ้านอย่างละเอียดหลายครั้งและได้มีการบันทึกเทปวีดีโอเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนก็ตาม แต่ในส่วนของโครงสร้างภายในนั้น การที่ผู้บริโภคจะเข้าไปรื้อฝ้าหรือเพดานเพื่อเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านนั้นย่อมไม่มีผู้ใดกระทำ ซึ่งเป็นไปตามปกติธรรมดาที่บุคคลทั่วไปไม่น่าจะคาดคิดว่า บ้านที่ซื้อใหม่จะมีโครงสร้างภายในจะเกิดปัญหาขึ้นมา และถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะมีการรับโอนบ้านไปแล้วก็ตาม กรณีนี้ก็ไม่ถือว่า ผู้ซื้อได้รู้อยู่แล้วแต่ในเวลาซื้อขายว่ามีความชำรุดบกพร่องนั้นเกิดขึ้น ซึ่งทางผู้ขายหรือเจ้าของโครงการก็ยังคงต้องรับผิดชอบในความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นกับทางผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ ซึ่งเป็นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 473