ศาล ปค.กลางไม่คุ้มครองชั่วคราว กรณีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคฟ้องรัฐขึ้นเอ็นจีวี

ศาลปกครองมีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราว กรณีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคขอระงับขึ้นก๊าซ เหตุเป็นนโยบายของรัฐบาล

 

 กรณีผู้ฟ้องคดีที่ 1 (มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค) กับพวกรวม 4 คน ฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (นายกรัฐมนตรี) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณะรัฐมนตรี) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 (คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5  (บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)) ว่า มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ในการประชุมครั้งที่ 5/2554 (ครั้งที่ 137) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 กรณีการปรับโครงสร้างราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) และมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ที่เห็นชอบกับมติดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อน การพิพากษาโดยสั่งให้ระงับการปรับขึ้นราคา LPG และ NGV ในวันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โดยให้คงคิดราคาเดิมก่อนประกาศขึ้นราคาไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำ พิพากษา

เมื่อเวลา 21.20 น. นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ ตุลาการเจ้าของสำนวน ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้อง คดีทั้งสี่ โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในการพิจารณาถึงความชอบด้วยกฎหมายของมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ที่พิพาทกันในคดีนี้ นั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 มีอำนาจหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำหนดราคาพลังงานให้สอดคล้อง กับนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนาพลังงานของประเทศ ตามมาตรา 6 (2) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2535

ซึ่งในการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก NGV และ LPG ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ได้มอบหมายให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 เป็นผู้ดำเนินการในการจัดหาและจำหน่าย โดยในส่วนของ NGV จะรวมถึงการขยายสถานีให้บริการด้วย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ได้ดำเนินการอุดหนุนราคา NGV และ LPG มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการนำเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจัดเก็บจากผู้ใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนทดแทน

ประกอบกับการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ได้มีมติให้ชะลอการปรับขึ้นราคา NGV และ LPG มาก่อนหน้านี้หลายครั้ง ได้ก่อให้เกิดภาระแก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและผู้ใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่น อันเป็นการกระทบต่อการดำเนินนโยบายกำกับราคาพลังงานให้มีราคาเหมาะสม เป็นธรรม และมุ่งสู่การสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงตามนโยบายที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาก่อนเข้ารับหน้าที่

ส่วนกรณีที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ในชั้นของการพิจารณาคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ก่อนการพิพากษาเกี่ยวกับราคาต้นทุน NGV และ LPG นั้น ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่ามติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 อันเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ศาลจะต้องพิจารณาในเนื้อหาแห่งคดีต่อไป

อีกทั้ง หากศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อน การพิพากษาโดยให้ระงับการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ ก็จะมีผลกระทบต่อการดำเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ในการกำกับและกำหนดราคาพลังงานให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหารและพัฒนา พลังงานของประเทศ อันอาจเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะของผู้ถูกฟ้อง คดีทั้งห้าได้

ศาลจึงเห็นว่า คำขอทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ในการประชุมครั้งที่ 5/2554 (ครั้งที่ 138) เมื่อวันที่ 30 กันยายน2554 กรณีการปรับโครงสร้างราคาขายปลีก LPG และ NGV และคำขอให้ระงับการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ที่เห็นชอบกับมติดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ไม่ครบองค์ประกอบตามบทบัญญัติมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ประกอบกับข้อ 72 วรรคสาม และข้อ 77 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และมาตรา 254 วรรคหนึ่ง และมาตรา ๒๕๕ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ตาม ที่ขอได้

ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งยกคำขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อน การพิพากษาของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่


พิมพ์ อีเมล