“รสนา” ค้านปรับขึ้นราคา

15 ม.ค.ที่รัฐสภา นางสาวรสนา โตสิตระกูล ประธานคณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาล ในคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา แถลงข่าวกรณีรัฐบาลจะปรับขึ้นราคาก๊าซว่า รัฐบาลไม่ควรปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีหรือลอยตัวค่าก๊าซตามราคาตลาดโลก

 

ด้วยเหตุผล ดังนี้    1) จะเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนัก ซึ่งเวลานี้รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหานี้ด้วยการทุ่มงบนับแสนล้านเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 2) ราคาก๊าซในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงมาเป็นลำดับ การปรับขึ้นราคาถือเป็นการสวนทางตลาดโลก 3) มีการจงใจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแอลพีจี เนื่องจากบริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ชะลอการสร้างโรงแยกก๊าซแห่งใหม่ เพราะรัฐบาลไม่ปล่อยราคาก๊าซลอยตัวโดยอ้างว่าราคาก๊าซที่ถูกควบคุมในราคาต่ำ ทำให้ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ทั้งๆ ที่ราคาก๊าซในปัจจุบันตามการศึกษาของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พบว่า ราคาก๊าซแอลพีจี ที่รัฐบาลกำหนด ณ โรงแยกก๊าซ ปตท มีกำไรประมาณ 8 บาทต่อกิโลกรัม
       

นอกจากนั้นแล้ว หากดูปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย (ไม่รวมแหล่งบนบก) จะพบว่า มีมากกว่า 2,386 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่กำลังการผลิตของโรงแยกก๊าซ 5 โรงที่ระยอง ผลิตได้เพียง 1,770 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เท่านั้น การไม่สร้างโรงแยกก๊าซฯ นอกจากจะทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนเทียมขึ้นแล้ว ยังเป็นการผลาญทรัพยากรของประเทศชาติให้หมดไปอย่างน่าเสียดาย เพราะ ปตท ต้องนำก๊าซที่ล้นเกินกำลังการผลิตของโรงแยกก๊าซไปรวมกับก๊าซมีเทนซึ่งมีคุณภาพต่ำกว่าแล้วส่งไปผลิตไฟฟ้า ทั้งที่ก๊าซธรรมชาติเหล่านี้สามารถแยกเป็นผลิตก๊าซชนิดต่างๆ ที่มีคุณค่าสูงกว่า เช่น แอลพีจี

        นางสาวรสนา กล่าวต่อว่า ในต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง รัฐบาลได้สนับสนุนให้รถยนต์ใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิง ถือเป็นพลังงานทางเลือก แต่ในไทย มักมีการให้ข้อมูลว่า การใช้ก๊าซแอลพีจีในรถยนต์ เป็นการใช้ก๊าซที่ผิดประเภททำให้เกิดการขาดแคลน และโฆษณาให้ประชาชนหันไปใช้ก๊าซเอ็นจีวีแทน ทั้งที่เอ็นจีวียังมีปัญหาในการบริหารจัดการอยู่อีกมาก และ ปตท ผูกขาดอยู่รายเดียว ส่วนการใช้ก๊าซแอลพีจีในรถยนต์ เช่น แท็กซี่ ซึ่งใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงเกือบทั้งหมด ถือเป็นการลดต้นทุน ลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนที่ใช้บริการโดยสารรถแท็กซี่ทางหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแท็กซี่ก็ต้องขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร
       

 4) ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ เคยสัญญากับประชาชนด้วยการประกาศแผนปฏิบัติการเร่งด่วน 99 วันทำได้จริงว่า จะตรึงราคาก๊าซซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับทุกครัวเรือน และยังวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ ที่ตัดสินใจขึ้นค่าก๊าซหุงต้มว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระยะยาวของประเทศ จึงหวังว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นรัฐบาลจะรักษาสัญญาที่ให้ประชาชน หากรัฐบาลตัดสินใจเรื่องนี้ได้ดี จะเป็นการลดภาระค่าครองชีพที่ได้ผลกว่าการแจกเงิน 2,000 บาท ซึ่งมีการแจกไม่ทั่วถึงและเกิดช่องทางคอร์รัปชันได้ง่าย
       

อนึ่ง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2550 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ เขต 2 ได้ประกาศแผนปฎิบัติการเร่งด่วน 99 วันทำได้จริง เรื่องการหยุดขึ้นราคาก๊าซหุงต้มไม่เกินถังละ 260 บาท ที่ร้านแก๊สแสงทอง ย่าน ถนนจันทร์ ว่า พรรคจะหยุดการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและไม่เพิ่มภาระค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น การขึ้นราคาเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด รัฐบาลควรควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมและรถยนต์โดยตรงมากกว่าการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานรัฐบาลควรมีนโยบายที่เป็นเอกภาพ และควรจะมีการลงทุน สร้างโรงแยกก๊าซของประเทศ

ข้อมูลจาก นสพ.ผู้จัดการ 15-01-52

พิมพ์ อีเมล