แพทย์ชนบท ชง “วิทยา” ใช้สวีเดน ต้นแบบแก้ปัญหาคนไข้ฟ้องหมอ

เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.). จำนวนผู้ชม: 5986

แพทย์ชนบทเสนอ รมว.สาธารณสุข ใช้ “สวีเดน” เป็นต้นแบบ แก้ปัญหาฟ้องร้องแพทย์-ชดเชยความเสียหายจากบริการทางการแพทย์ ดึงงบม.41 สปสช.ตั้งต้น เพิ่มงบประมาณชดเชยผู้ป่วย ตั้งหน่วยงานกลางไกล่เกลี่ย
       
       นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ได้เดินทางไปดูงานเรื่องกองทุนชดเชยผู้เสียหายทางการแพทย์ ที่ประเทศสวีเดน และนอร์เวย์ ซึ่งถือว่าประเทศที่มีระบบดูแลปัญหาการฟ้องร้องแพทย์ที่ดีที่สุดในโลก โดยจะจัดทำรายงานเสนอ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ให้พิจารณานำมาเป็นต้นแบบในการจัดการปัญหาการฟ้องร้องระหว่างแพทย์กับคนไข้ ของไทย โดยมีการตั้งหน่วยงานกลางที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย และชดเชยความเสียหายทางการแพทย์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และคนไข้ดีขึ้น โดยเป็นการฟ้องร้องไปที่หน่วยงาน ขณะที่แพทย์จะไม่ตกอยู่ในฐานะของผู้ที่กระทำผิดแต่จะเป็นผู้ที่ช่วยเหลือ อธิบายให้คนไข้เข้าใจ ช่วยในเรื่องสำนวนการฟ้องร้อง ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
       
       “นอก จากนี้ ในสวีเดนจะมีระบบการประกันภัยผู้ป่วยทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยรัฐบาลเป็นผู้ประกันความเสียหาย จากเดิมที่มีตัวแทนประกันด้านสุขภาพของเอกชนก็ถูกยุบไป โดยมีการออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ทำให้ไม่ต้องเสียเงินให้กับกระบวนการขั้นตอน ที่ใช้เวลานาน ยุ่งยากกว่าจะได้รับเงินชดเชยความเสียหาย กว่า 70% ให้กับทนายความเป็นค่าดำเนินการ ขณะที่ผู้เสียหายได้รับการชดเชยเพียง 30% ทั้งนี้20% ของผู้ที่ฟ้องร้องในสวีเดนจะสามารถทราบผลภายใน 1 ปี โดยไม่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟ้องร้องนาน”นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
       
       นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุสวีเดนและนอร์เวย์มีประชากร 9 ล้านคน มีเรื่องที่เข้าสู่กองทุนชดเชยผู้เสียหายทางการแพทย์ที่ตั้งขึ้น ประมาณ 1 หมื่นครั้ง ได้รับการชดเชย 5 พันครั้ง ที่เหลือมีการฟ้องร้องต่อโดย 100-1,000 เรื่อง จะได้รับการชดเชยหากมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น ซึ่งโรงพยาบาลจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนชดเชยฯผู้เสียหายทางการแพทย์ ทั้งนี้ จะมีการนำข้อมูลจากการฟ้องร้องมาปรับปรุงพัฒนาระบบ ซึ่งแพทย์จากที่เคยเป็นคู่กรณีของผู้ป่วย จะกลายเป็นผู้ที่พิสูจน์หลักฐานให้เห็นว่ามีเหตุสุดวิสัยอย่างไร เกิดจากแพ้ยาหรือเหตุอื่น ซึ่งจะทำให้สังคมเกิดความสมานฉันท์ แพทย์กับผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น จากข้อมูลของประเทศสวีเดนพบว่า แม้การฟ้องร้องในภาพรวมจะไม่ลดลงจากเดิม แต่ข้อพิพาทก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการศาลลดลง
       
       นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทยที่ผ่านมาในอดีตทั้งโครงสร้างการบริการจัดการระบบสาธารณสุข ประเทศไทยมักอาศัยต้นแบบจากประเทศสหรัฐอเมริกาหรือประเทศแคนนาดา ที่ปัจจุบันถือว่ามีปัญหาด้านระบบสุขภาพเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ในการเริ่มต้นสปสช.มีมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ในการเรื่องการชดเชย ระบุว่า หากเกิดความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข จะได้รับเงินชดเชยเบื้องต้นโดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิดจากกองทุนชดเชยค่าเสีย หายทางการแพทย์ โดยมาตรการดังกล่าว เป็นเรื่องที่ดำเนินการอยู่แล้ว รัฐบาลควรเพิ่มงบประมาณเข้ากองทุนดังกล่าว จากเดิม 2 บาท ต่อคนต่อปี เป็น 6-7 บาท ต่อคนต่อปี และบังคับให้ภาคเอกชนร่วมจ่ายเงินสมทบ และสามารถนำเงินส่วนดังกล่าวมาใช้เป็นเงินกองทุน
       
       “ถ้านายวิทยาสนใจแนวคิดนี้ก็ต้องมีการทำเป็นนโยบาย ที่โดนใจชาวบ้านเพราะถือเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับการเหลียวแล หากเกิดข้อผิดพลาดทางการรักษาขึ้น ทั้งนี้ ควรมีการผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายทางการแพทย์ พร้อมทั้งนำแนวคิดของประเทศสวีเดนมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งคาดว่า อาจจะมีความเห็นค้านจากโรงพยาบาลเอกชน แต่ฝ่ายเอ็นจีโอ น่าจะเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ดังนั้น จึงควรทำให้เกิดการบังคับใช้ตามกฎหมาย” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มกราคม 2552

พิมพ์