เลือดตกในหัว อย่ามัวนอนใจ

เขียนโดย น.พ.กฤษดา ศิรามพุช. จำนวนผู้ชม: 8400

สมองเป็นอวัยวะอัศจรรย์ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง มักจะพยายามทำงานอยู่ต่อไป เพื่อไม่ให้อวัยวะอื่นต้องล้มครืน วันหนึ่งหากสมองบาดเจ็บจะทำอย่างไร

เมื่อดาราเจ้าบทบาทที่ยังดูสาวและสวยเก๋อย่าง "นาตาชา ริชาร์ดสัน" ต้องลาจากโลกเซลลูลอยด์ด้วยวัยเพียง 45 ปี ก็ทำให้โลกพากันตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเป็นแน่  และที่สำคัญ ทำไมหลังเกิดอุบัติเหตุช่วงแรกเธอก็ยังลุกขึ้นมาคุยเล่นได้ตามปกติแต่คล้อยหลังจากนั้นเพียงชั่วโมงเดียวมัจจุราชก็มาปลิดชีพเธอไปเสียแล้ว 

 


 ทางการแพทย์แล้ว กรณีอุบัติเหตุศีรษะกระแทกหรือถูกตีด้วยประการใดๆ ก็จะทำให้เสียชีวิตได้โดยแทบจะไม่มีสัญญาณใดเตือนเลยในตอนแรก 

 


 สมองของคนเราเป็นอวัยวะที่อัศจรรย์ตรงที่ว่าถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง มักจะยังพยายามทำงานอยู่ต่อไปเพื่อไม่ให้อวัยวะอื่นที่มันคุมต้องล้มครืนลงไปเป็นลูกโซ่ด้วยราวกับเศรษฐกิจยุคนี้ 

 


 อย่างไรก็ดี ความสามารถนี้กลับเป็นข้อเสียยามที่สมองเกิดมีเลือดออกอย่างรุนแรง เพราะว่าถ้ามีอาการเสียได้ตั้งแต่แรกก็จะช่วยผ่าตัดเปิดกะโหลกระบายเลือดออกได้ทัน เพราะกะโหลกคนเรานี้ไม่ได้สร้างไว้ให้มีที่เผื่อเตะตะกร้อแต่อย่างใด  เมื่อมีสิ่งใหม่เพิ่มเข้ามาเช่นเลือดมันจึงกลายเป็นความดันมหาศาลในกะโหลกศีรษะ

 


 บริเวณของกะโหลกศีรษะที่ถือเป็นจุดอ่อนที่ต้องระวังไว้ให้ดีก็คือ “เหนือกกหู” หรือที่สมัยก่อนเรียกกันว่าทัดดอกไม้ครับเพราะบางมากขนาดนักเลงเอาตะพดตีไม่แรงนักก็แตกร้าวมีเลือดออกได้  ส่วนบริเวณที่หนาแข็งที่สุดของกะโหลกนั้นอยู่ที่ท้ายทอยครับ  เรียกว่าถ้าจวนตัวจะถูกตีจริงก็ต้องเก็บกกหูสองข้างไว้ก่อนนะครับ

 


 กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเลือดตกในหัวแบบไม่คาดคิดนี้ให้ดีก็คือ
1) เด็กเล็ก เนื่องจากกะโหลกยังปิดไม่สนิทดีหรือถูกเขย่าตัวบ่อยๆ ก็ทำให้มีเลือดตกในสมองได้ครับ
2) ผู้ที่รับประทานยาสลายลิ่มเลือดหรือยาป้องกันเลือดแข็งตัวแม้กระทั่งน้ำมันปลาก็ประมาทไม่ได้
3) ผู้สูงวัย  เพราะสมองเหี่ยวแฟบลงทำให้เกิดที่ว่างในกะโหลกให้สมองแกว่งตัวไปมาจนทำให้หลอดเลือดฉีกขาดตกเลือดในกะโหลกได้ง่าย


กระเทือนหัวที่ห้ามมัวนอนใจ

 

 ไม่ว่าหัวกระแทกด้วยลักษณาการใดมักจะสร้างความกังวลไม่มากก็น้อยต่อเจ้าของหัวว่า ต้องหาแพทย์เมื่อไร  หรือต้องไปเอ็กซเรย์เมื่อไร  ไม่อย่างนั้นจะสายไปไหม  ก็ขอบอกว่าอย่าเพิ่งตื่นตกใจไปครับเพราะกรณีอย่างดาราสาวนั้นที่จริงก็ไม่ได้เกิดบ่อยแต่อย่างใด 

 

 

 เพื่อไม่ประมาทก็ขอนำสัญญาณเตือนภัยให้รีบพบหมอขอเอ็กซเรย์หรืออย่างไรก็ว่าไป  ถ้ามีอาการต่อไปนี้ครับ
1) ถ้าตอนกระแทกมีสลบหรือไม่รู้สึกตัวแม้จะชั่วขณะหนึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องรุนแรงแล้วครับ
2) มีอาการชักร่วมด้วย
3) หลังหัวกระแทกมีอาการปวดหัวหนักขึ้น. ตามัว, อาเจียนพุ่ง  เป็นสัญญาณว่ามีบางสิ่งไปดันเนื้อสมองอยู่ในกะโหลกซึ่งก็น่าจะเป็นก้อนเลือด
4) มีอาการแขนขาอ่อนแรงคล้ายเป็นอัมพาต
5) หลังอุบัติเหตุมีพฤติกรรมผิดไปจากเดิมหลังอุบัติเหตุ


 อาการทั้ง 4 ข้อนี้ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะต้องดูกันไปจนตลอดชีวิตครับ  ขอให้ท่องไว้ว่า 24 ชั่วโมงแรกถือเป็นนาทีทองของอาการสมองถูกกระแทก  ถ้าสังเกตอาการใน 1-2 วันแล้วไม่มีอาการทั้งสี่นี้ก็ค่อนข้างนอนใจได้ในระดับสูงทีเดียวครับ  ถ้าเป็นผู้สูงอายุอาจต้องลองดูไปยาวๆ สักนิดครับ  เพราะเลือดในสมองอาจออกแบบซึมลึกหวานเย็นไปเรื่อยๆ ได้นานนับสัปดาห์หรือเดือนทีเดียว 

 


 สุดท้ายอยากย้ำไว้อีกทีว่าไม่อยากให้ตระหนกตกใจจนเกินพอดี เพราะการไปเอ็กซเรย์บ่อยๆ ก็ใช่ว่าจะดีมาก ขอเพียงอย่าประมาทในเรื่องของหัวเท่านั้น  ห้ามมัวคิดว่าหัวแข็งแกร่งทนได้ทนดีมีกระแทกนิดหน่อยก็ช่างมัน  เช่น ถ้าต้องใส่หมวกกันน็อคก็ขอให้ใส่ให้ดีเลือกชนิดที่แข็งแกร่งที่จะมาแทนกะโหลกเราได้จริงๆ ไม่ใช่เลือกแค่เล็กเท่ากะลามาครอบหัวไว้ให้มาเก็บง่ายๆเท่านั้น 

 


 สำคัญที่สุด อย่าหาสิ่งใดมาลบเลือนสติของเราเป็นอันขาดโดยเฉพาะแอลกอฮอล์ ที่อยากขอให้เพลาลงในทุกฤดูกาลไม่ใช่แต่เฉพาะหน้าสงกรานต์นี้อย่างเดียว ถ้าจำเป็นต้องดื่มจริงก็ขออย่าไปดื่มช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชาติตอนขับรถราเลยครับ

สำนักข่าวเนชั่น 22/4/52

พิมพ์