อภ.ผลิตวัคซีนหวัดใหญ่2009ใช้ได้ต.ค.นี้

อภ.เผยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ราคาเพียงโด๊สละ 200 บาท เริ่มผลิตใช้ 2 ต.ค.นี้

 

นพ.วิทิต อรรถเวชกุล

นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า โรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัด ใหญ่ครบวงจรของอภ. จะได้รับเชื้อเป็นสำหรับผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009 เอช1เอ็น1 ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ และสามารถผลิตใช้ได้ในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งตามข้อตกลงและความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก อภ.สามารถผลิตวัคซีนชนิดฉีดพ่นทางจมูกได้ในราคา 200 บาทต่อโด๊ส

ทั้งนี้ ในวันที่ 11 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมห้องปฏิบัติการ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม ซึ่งเป็นโรงงานนำร่องที่มีการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ครบวงจร ซึ่งคาดว่าองค์การอนามัยโลกจะตรวจให้การรับรองมาตรการผลิตที่ดีขององค์การอนามัยโลกให้กับโรงงานของอภ. เป็นแห่งแรกของไทย

“ขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งติดต่อขอซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลกับอภ. เนื่องจากขณะนี้มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ประชาชนตื่นตัวในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ แม้วัคซีนดังกล่าวจะไม่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ข้ามสายพันธุ์ได้ก็ตาม” นพ.วิทิต กล่าว

อย่างไรก็ตาม วัคซีนดังกล่าว จะต้องสั่งจองล่วงหน้า ซึ่งอภ. ได้ ส่งมอบวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่กรมควบคุมโรคสั่งจองกระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดหมดแล้ว จึงไม่เหลือวัคซีนอยู่ในสต๊อก แต่หากประชาชนมีความนิยมในการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น ในปีหน้าอาจจะมีการสั่งจองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเพิ่มอีก 5,000-1 หมื่นโด๊ส



ด้านพญ.กิติมา ยุทธวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมาคม ผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีมา) กล่าวว่า ทราบข่าวจากบริษัทยาต่างประเทศที่เป็นสมาชิกของพรีมาว่า ในช่วงเดือนก.ย.นี้ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะผลิตสำเร็จแล้ว โดยมีบริษัทที่วิจัยสำเร็จและผลิตได้ประมาณ 4-5 แห่ง

“ในจำนวนนี้ทางบริษัทยาที่ผลิตได้จะร่วมบริจาควัคซีนดังกล่าวให้กับองค์การอนามัยโลกนำไปรักษาประชากรในประเทศต่าง 150 ล้านโดส” พญ.กิติมา กล่าว

สำหรับยอดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 69 ราย ในจำนวนนี้เป็นนักเรียน 60 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 8 ราย และเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ 1 ราย รวมทั้งหมดติดเชื้อแล้ว 774 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ที่รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู

นสพ.โพสต์ทูเดย 23/6/52

พิมพ์ อีเมล