กลุ่มปตท.อวดไตรมาส 2 กำไรแจ่ม

เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) วันที่ . จำนวนผู้ชม: 3885

กลุ่มปตท.อวดไตรมาส 2 กำไรแจ่ม ได้สต๊อก 7,000 ล้านบาท ราคาน้ำมันขึ้นมาช่วย ส่วน PTTAR สเปรดเบนซีนพลิกเป็นบวก

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก เนื่องจากคาดว่าจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หากราคาน้ำมันอยู่ในระดับนี้ต่อเนื่อง หรือมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันราว 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และกลุ่มมีปริมาณสำรองรวมประมาณ 20 ล้านบาร์เรล
ปีนี้บริษัทคาดว่าค่าการกลั่นเฉลี่ยทั้งเครือจะอยู่ที่ 3-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ระดับ 45-50 เหรียญ สหรัฐต่อบาร์เรลและี้แนวโน้มราคาปิโตรเคมียังดจนถึงไตรมาส 3 แต่ไตรมาส 4 คงจะต้องติดตาม สถานการณ์อีกครั้ง เนื่องจากบริษัทอาจจะได้รับผลกระทบจากปริมาณปิโตรเคมีในตลาดโลกที่เพิ่มสูง สำหรับงบการลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจก๊าซ 58% ที่เหลือเป็นการร่วมทุนและโอกาสในการควบรวมกิจการเพิ่ม โดยใช้บริษัทลูก คือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และจะมีการลงทุนด้าน LNG บางส่วน สำหรับงบลงทุน 5 ปี (2552-2556) จะอยู่ที่ 2.29 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้จะไม่มีการลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่ม และ ยังไม่ชัดเจนว่าปตท. จะเน้นลงทุนถ่านหินในอนาคต ส่วนการนำ โรงกลั่นสตาร์รีไฟน์เนอริ่งเข้าตลาดหุ้นนั้นยังไม่มีแผนแม้ตลาดจะเริ่มกลับมาดี

สำหรับการลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 ปตท.ในฐานะบริษัทแม่ เห็นว่า การลงทุนควร เป็นของบริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) และบริษัท ไทยออยล์ (TOP) น่าจะเพียงพอต่อปริมาณใช้ในประเทศตามที่กระทรวง พลังงานกำหนด และเห็นว่า บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) ไม่ต้องร่วมลงทุนด้วยเพราะใช้เงินลงทุนมาก

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTAR คาดว่าจะสรุปแผนลงทุนดังกล่าว ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ โดย น่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 240 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะไม่มีปัญหาสำหรับการดำเนินการใน อ.มาบตาพุด จ.ระยอง

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 คาดว่ารายได้และกำไรดีกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากส่วนต่างราคา (สเปรด) เบนซีนเป็นบวกประมาณ 150 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากที่เป็นลบ 25 เหรียญสหรัฐ ต่อตัน ในไตรมาสแรก ส่วนสเปรดพาราไซลีน (PX) ก็ดีขึ้นมาก คาดว่าจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 650 เหรียญสหรัฐต่อตัน จาก 450 เหรียญสหรัฐ ต่อตัน

สำหรับค่าการกลั่นในไตรมาส 2 จะอ่อนตัวเล็กน้อยจากไตรมาสแรก ที่ระดับประมาณ 3-4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ในครึ่งปีหลังจะเพิ่มสูงขึ้นตามฤดูกาลการใช้น้ำมันของสหรัฐอเมริกาที่จะเริ่มดีขึ้น จึงตั้งเป้าว่าทั้งปีนี้ค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 5-6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

นสพ.โพสต์ทูเดย์ 21/5/52

พิมพ์