กระทรวงพลังงานชงแผนขึ้นแอลพีจีภาคขนส่ง

เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) วันที่ . จำนวนผู้ชม: 4732

กระทรวงพลังงานชงแผนขึ้นแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมให้นายกรัฐมนตรีเคาะในการประชุม กพช.วันนี้ ขั้นต่ำไม่เกิน 2 บาทต่อ ก.ก.

กระทรวงพลังงานชงแผนขึ้นแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมให้นายกรัฐมนตรีเคาะในการประชุม กพช.วันนี้ ขั้นต่ำไม่เกิน 2 บาทต่อ ก.ก. ย้ำไม่คิดลอยตัวเหตุต้องพยุงราคาภาคครัวเรือนต่อไป แฉ 2 ทางเลือก คือขึ้น 1.80 บาทต่อ ก.ก. หรือ ขึ้น 2.70 บาทต่อ ก.ก.เพื่อนำส่วนหนึ่งคืนหนี้ ปตท. ด้าน“รสนา” ค้านปรับขึ้นสวนทางตลาดโลก ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจทรุด ทวงสัญญา “มาร์ค” ตรึงราคา - ผลักดันสร้างโรงแยกก๊าซแก้ปัญหาตรงจุด
       
        น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้(16 ม.ค.)กระทรวงพลังงานจะเสนอแนวทางการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคขนส่งและอุตสาหกรรม (เว้นปิโตรเคมี) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยไม่มีการประกาศลอยตัวราคาแต่อย่างใดเนื่องจากนโยบายรัฐบาลชัดเจนที่จะยืดอายุ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อไทยซึ่ง 1 ในมาตรการดังกล่าวคือการตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนต่อไปอีกดังนั้นจึงต้องใช้โครงสร้างแอลพีจี 2 ราคา
        อย่างไรก็ตามการ ปรับราคาจะขึ้นไม่ถึง 6 บาทต่อกิโลกรัม (ก.ก.) ตามมติ กพช.เดิมเนื่องจากขณะนั้นแอลพีจีตลาดโลกอยู่ระดับ 800 เหรียญต่อตันแต่เพดานในประเทศอยู่ที่เพียง 340 เหรียญต่อตันแต่ปัจจุบันแอลพีจีตลาดโลกลดเหลือเพียง 380 เหรียญต่อตันเท่านั้นหากคิดตัวเลขจุดนี้ราคาแอลพีจีภาคขนส่งฯ จะปรับขึ้นเหลือเพียง 1.50-2 บาทต่อ ก.ก. แต่ยอมรับว่าราคาแอลพีจีโลกมีโอกาสขึ้นอีกเพราะอิงราคาน้ำมันดิบจึงต้องคำนวณเผื่อไว้ซึ่งมีการประเมินว่าเฉลี่ยปีนี้น้ำมันดิบจะอยู่ที่ประมาณ 60 เหรียญต่อบาร์เรล ดังนั้นแอลพีจีเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 500 เหรียญต่อตันราคาแอลพีจีจึงอาจต้องปรับมากกว่า 2 บาทต่อ ก.ก.


        “การคำนวณก็จะต้องคำนึงไม่ให้ผู้ใช้เดือดร้อนเกินไป ขณะเดียวกันก็จะต้องนำมาทยอยใช้หนี้คืนปตท.ที่แบกรับภาระการนำเข้าแอลพีจีไว้ 8,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งการเสนอแนวทางปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งก็จะมีหลายทางอาจขึ้นรวดเดียวเลยหรือทยอยขึ้นก็ได้ ส่วนจะขึ้นวันไหนก็อยู่ที่ กพช.จะตัดสินใจ” น.พ.วรรณรัตน์กล่าว


        แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า เบื้องต้นแนวทางการปรับขึ้นราคาแอลพีจีที่อิงการคำนวณราคาตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีที่มองว่าจะอยู่ระดับ 500 เหรียญต่อตันจะทำให้แอลพีจีปรับขึ้นประมาณ 2.70 บาทต่อ ก.ก.เพื่อนำส่วนหนึ่งคืนหนี้ ปตท. แต่เพื่อลดผลกระทบอาจเสนอทางเลือกการทยอยขึ้นครั้งแรกด้วยการอิงตลาดโลก ณ ปัจจุบันเป็นหลักก่อนคือที่ 380 เหรียญต่อตันซึ่งแนวทางนี้จะปรับขึ้นเพียง 1.80 บาทต่อ ก.ก. เพื่อหยุดการชดเชยส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้น
       
       ปรับสูตรบี 100 อิงราคาปาล์มดิบคน.
       
        รมว.พลังงานยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) วานนี้ (15ม.ค.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติแนวทางปรับปรุงหลักเกณฑ์ การกำหนดราคาไบโอดีเซล บี100 จากเดิมได้กำหนดเพดานราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เพื่อใช้คำนวณราคาบี 100 ให้ไม่สูงกว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดมาเลเซีย+3 บาทต่อก.ก.ปรับใหม่ให้อิงราคาปาล์มดิบเกรดเอ ตามที่กรมการค้าภายใน (คน.) กระทรวงพาณิย์เป็นการชั่วคราวตามโครงการแทรกแซงตลาดน้ำมันปาล์มดิบปี 2551/2552 ซึ่งจะมีผลบังคับตั้งแต่ 16 ม.ค.-31 ม.ค.นี้


        “กระทรวงพาณิชย์ได้แทรกแซงราคาปาล์มดิบ ในราคา 22.50 บาทต่อ ก.ก.ตั้งแต่ พ.ย.51-ม.ค.52 เพื่อให้เกษตรกรขายผลปาล์มทลายได้ในราคา 3.50 บาทต่อ ก.ก. ซึ่งหาก กบง.ไม่ปรับสูตรก็จะทำให้โรงสกัดปาล์มที่มีอยู่ประมาณ 13 แห่งไม่สามารถรับซื้อปาล์มทลายในราคาดังกล่าวได้เพราะราคาบี 100 ไม่ถูกปรับ กบง.จึงต้องปรับสูตรให้” รมว.พลังงานกล่าว
        นายวีรพล จิระประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ราคาบี 100 ปัจจุบันอยู่ที่ 23.79 บาทต่อก.ก.จึงเท่ากับเป็นการปรับขึ้นเพียง 1.47 บาทต่อ ก.ก. เท่านั้นเมื่อมาผสมกับดีเซลเป็นบี 2 คือผสม 2% จะเท่ากับต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 2-5 สต./ลิตร จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผุ้ค้าน้ำมันและราคาขายปลีกที่ต้องปรับขึ้นแต่อย่างใดและไม่มีผลต่อส่วนต่างราคาบี 2 และบี 5 ที่ต่างกันอยู่ 1.50 บาทต่อลิตร


        นอกจากนี้ กบง.เห็นชอบกรอบการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 3,000 ล้านบาท ไปใช้เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ บี 2 และ บี 5 หลังสิ้นสุดมาตรการลดค่าครองชีพและอัตราภาษีสรรพสามิตจะปรับขึ้นไปอีก 3.30 2.30 และ 2.10 บาท/ลิตร ตามลำดับ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 โดยการปรับราคาน้ำมันตามต้นทุนภาษีนั้น จะเป็นการทยอยปรับ 2-3 ครั้ง หรือครั้งละประมาณ 0.70-1.00 บาท/ลิตร ซึ่งจะเลือกปรับราคาในช่วงที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง เพื่อลดผลกระทบของประชาชน

ข่าวโดย นสพ.ผู้จัดการ 15-01-52

พิมพ์