
นายวิทยากล่าวว่า ที่ประชุมได้มีข้อเสนอในการควบคุมป้องกันปัญหาอุบัติเหตุจราจร 2 ประการ ประการแรก คือ เน้นหนักแก้ไขปัจจัยเสี่ยงหลัก 4 เรื่องที่มีอยู่เดิมแล้วอย่างเข้มงวด ได้แก่ 1. การรณรงค์การสวมหมวกนิรภัย ตั้งเป้าให้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 20 ต่อปี ซึ่งข้อมูลล่าสุดพบประชาชนใช้น้อยมากเพียงร้อยละ 46 โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตไม่สวมมากกว่าร้อยละ 80 2. ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ปลอดเหล้า ห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 3. การคาดเข็มขัดนิรภัย 4. ไม่ขับรถเร็ว และประการที่สอง คือ การเพิ่มมาตรการใหม่ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ครอบคลุมและเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
นายวิทยากล่าวต่อว่า มาตรการใหม่ที่จะเสนอเพิ่มเติมนั้น ที่ประชุมได้เสนอ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. เพิ่มกฎหมายใหม่ โดยบังคับให้รถตู้สาธารณะ รถทัวร์ ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ก่อนต่อทะเบียน โดยให้กรมการขนส่งทางบกเร่งดำเนินการออกเป็นกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติการขน ส่งทางบก พ.ศ. 2552 2. เสนอให้ท้องถิ่นนำเงินค่าปรับผู้กระทำผิดกฎจราจรมาใช้จัดซื้อเครื่องตรวจจับ ความเร็วรถให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมายังมีไม่เพียงพอ และ 3. ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามขาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดบนทางสาธารณะ ซึ่งได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขจะออกกฎกระทรวงเพิ่มห้ามดื่มบนยานพาหนะ เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรี และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ประกาศใช้ต่อไป
ทั้งนี้ ในการกระตุ้นให้ประชาชนใช้เข็มขัดนิรภัยและหมวกนิรภัย จะเสนอให้ทุกส่วนราชการปฏิบัติเป็นตัวอย่างแก่ประชาชน โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขจะให้เป็นหน่วยงานนำร่อง บังคับใช้ในผู้ขับขี่รถเข้าออกกระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัดที่อยู่ในภูมิภาคทุกแห่ง โดยจะเริ่มรณรงค์ในเดือนพฤษภาคมนี้ นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ สสส.จัดประชุมระดมความคิดเห็นจากประชาชน ผู้ใช้รถทุกประเภท เพื่อหาแนวทางแก้ไข รวมทั้งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัยทางถนน ให้มีการแจ้งจุดเสี่ยง จุดอันตราย ทั้งนี้เพื่อให้การป้องกันและลดอุบัติเหตุจราจรได้ตรงจุดที่สุด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 เมษายน 2555 15:03 น.