มพบ. ชง อย. เอาผิด ‘โฆษณาเกินจริง’ ถึงที่สุด

เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค วันที่ . จำนวนผู้ชม: 7962

 Supplement

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เสนอ อย. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายและดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด กรณีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโฆษณาเกินจริง ย้ำ ‘กินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้วต้องไม่ตาย

          จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ได้เผยแพร่ข้อมูลเรื่องที่มีผู้เสียชีวิตจากการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทำจากถั่งเช่า โดยเนื้อหาระบุว่า “ก่อนที่พ่อจะกินถั่งเช่า พ่อไม่เคยป่วย ไม่เคยเป็นอะไรนอกจากบ่นปวดแข้งปวดขาตามประสาคนแก่ แต่ช่วง 4 - 5 เดือนก่อนที่พ่อจะเสีย พ่อกินถั่งเช่าเพราะพ่อดูตามโฆษณาในรายการทีวี อาการของพ่อก่อนไปโรงพยาบาลคือ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หมอวินิจฉัยว่าน้ำท่วมปอด แล้วก็ตรวจดูค่าไต พบว่าค่าไตต่ำมากหรือไตวายระยะสุดท้าย หมอตรวจเจอสารพิษในร่างกายมีปริมาณเยอะมาก หมอถามว่าในช่วง 6 เดือนก่อนหน้านี้ได้กินยาหรืออาหารเสริมอะไรมาบ้าง ยาที่พ่อกินก็คือถั่งเช่า พ่อจากไปไวมาก ไม่ทันได้ตั้งตัว และถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ซื้อถั่งเช่าให้พ่อกิน”

          รวมถึงกรณีอาหารเสริมของ ‘กาละแมร์-พัชรศรี’ ที่มีการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงบนออนไลน์ จนถูก อย. ตรวจสอบและแจ้งดำเนินคดีแล้ว (อ่านข่าวได้ที่ อย. เชือด กาละแมร์ พิธีกรดัง รีวิวอาหารเสริมโอ้อวดเกินจริง) นั้น
Hype

ขอบคุณภาพจากทวิตเตอร์ : อุทธาหรณ์สอนใจ #ถั่งเช่า

           สถาพร อารักษ์วทนะ นักวิชาการด้านสื่อและโฆษณา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) กล่าวว่า สังคมไทยทุกวันนี้มีการใช้สื่อโฆษณาที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายในทุกช่องทาง ผู้ประกอบการสามารถผลิตสื่อโฆษณาเองได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเหมือนดาบสองคม ที่มีข้อดีคือทำให้ธุรกิจเติบโตได้รวดเร็ว มีผู้ประกอบการรายย่อยเกิดขึ้นมากมาย แต่ในทางกลับกันก็ทำให้ชีวิตของผู้บริโภคมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการเสพสื่อที่ไม่ได้ผ่านการคัดกรองอย่างมีคุณภาพ

          “การจะโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อน แต่หากลองสังเกตข้อความในโฆษณาจะพบว่า ผลิตภัณฑ์จำนวนมากมักโฆษณาว่ามีเลข อย. แต่ไม่ได้ระบุเลขที่อนุญาตโฆษณาลงไปด้วย ผู้บริโภคจึงไม่มีทางรู้ว่าโฆษณานั้นได้รับอนญาตจาก อย. หรือไม่ ทั้งนี้ อาจจะมีทั้งโฆษณาที่ไม่ได้ขออนุญาต และโฆษณาที่ขออนุญาตแล้วแต่ใช้คำโฆษณาไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาตจาก อย.” สถาพรกล่าว

19012021 news pic

          นักวิชาการด้านสื่อและโฆษณา มพบ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ อยากเสนอให้ปรับปรุงบทลงโทษใน พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 ให้หนักขึ้นเพื่อให้ผู้กระทำผิดเกิดความเกรงกลัวและไม่ทำผิดซ้ำ อีกทั้ง เมื่อมีกรณีโฆษณาเกินจริงเกิดขึ้น อย. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรบังคับใช้กฎหมายและดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด โดยกฎหมายที่สามารถหยิบยกขึ้นมาใช้ในกรณีโฆษณาเกินจริง ได้แก่

          สถาพรกล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่อยากให้ยกประมวลกฎหมายอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน (มาตรา341 และ 343 ขึ้นมาใช้ เนื่องจากเป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างหนักและไม่สามารถยอมความได้ โดยคำจำกัดความของการฉ้อโกงประชาชน จะต้องเข้าข่าย 3 ข้อนี้ คือ 1. แสดงข้อความเป็นเท็จหลอกลวง 2. มีเจตนาให้คนทั่วไปทุกคนหลงเชื่อโดยไม่เจาะจง 3. ไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย 10 คนขึ้นไปซึ่งการโฆษณาเกินจริงผ่านสื่อออนไลน์ สื่อวิทยุ โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ต่างๆ ก็เข้าข่ายทั้ง 3 ข้อนี้ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงประชาชนได้ที่ เพจปรึกษากฎหมาย ร้องเรียน ร้องทุกข์)

          “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกมีคนเสียชีวิตจากการกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ในฐานะองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคก็หวังว่ากรณีจะเป็นกรณีสุดท้าย ‘กินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้วต้องไม่ตาย’ ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายขั้นสูงสุดกับคนที่ทำโฆษณาหลอกลวงเหล่านี้ เพราะการโฆษณาที่โอ้อวดเกินจริงอาจทำให้เกิดความเสียหายถึงแก่ชีวิตได้ และอยากฝากถึงศิลปิน ดารา เน็ตไอดอล หรือผู้ที่รีวิวสินค้าต่างๆ หากไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจริง ก็ควรระบุหรือบอกในคลิปไปเลยว่านี่คือการโฆษณา เพื่อให้ผู้บริโภคนำไปประกอบการตัดสินใจซื้อได้ถูกต้อง” สถาพรกล่าว

Tags: ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร , โฆษณาเกินจริง, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, ผลิตภัณฑ์สุขภาพ, มพบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, อย., ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย, ถั่งเช่า, กาละแมร์

พิมพ์