เหยื่อซานติก้าร้องสภาทนายความ

ผู้เสียหายและญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟไหม้สถานบันเทิง “ซานติก้า ผับ” ย่านเอกมัย รวม 10 ราย เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมและการช่วยเหลือทางกฎหมาย

ต่อนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ซึ่งได้มอบให้ นายเจษฎา อนุจารี อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการสภาทนายความ เป็นผู้รับเรื่อง

 

โดยนายเจษฎา กล่าวว่า สภาทนายความได้สอบข้อเท็จจริงไว้เพื่อเสนอคณะทำงานพิจารณาต่อไปในการดำเนิน การยื่นฟ้องเป็นคดีอาญา ฐานกระทำประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ รวมทั้งคดีแพ่ง เรื่องละเมิด เพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทน และคดีคุ้มครองผู้บริโภคด้วย ซึ่งการร้องขอความเป็นธรรมผู้บาดเจ็บ 1 รายและญาติผู้เสียชีวิต 9 ราย ขอให้สภาทนายความ ช่วยดูแลติดตามที่จะเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมในคดีทุกประเภท ทั้งนี้จากการสอบถามผู้เสียหายดังกล่าวทราบว่า ส่วนใหญ่เคยไปให้การต่อคณะพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ไว้แล้ว แต่ตำรวจมุ่งสอบสวนแต่คดีอาญา จึงเกรงว่าจะไม่ได้ดำเนินการทางแพ่ง เพื่อเรียกเป็น ค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะ ค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียหายทางจิตใจที่ไม่อาจคำนวณเป็นตัวเงิน ปัญหาที่พบคือผู้เสียหายแต่ละรายมีทุนทรัพย์ความเสียหายไม่เท่ากัน คนตายบางคนจบปริญญาตรีเกียรตินิยม บางคนมีลูกต้องเลี้ยง ทางสภาทนายความจะช่วยว่าความให้ฟรี แต่เงินค่าวางศาลเขาต้องมาจ่ายเอง โดยเงินค่าธรรมเนียมศาลที่ต้องไปวางศาลมีอัตราร้อยละ2 ซึ่งเป็นภาระแก่ผู้เสียหาย สภาทนายความ เห็นว่าขณะนี้คดีอาญาก็สามารถเรียกค่าสินไหมรวมกับคดีอาญาหลักได้ ตาม ป.อาญามาตรา44/1 จึงอาจไม่ต้องฟ้องคดีแพ่งก็ได้ เรื่องนี้พบว่าผู้เสียหายต้องการจะเอาผิดกับ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ที่ถูกออกหมายจับ รวมทั้งหุ้นส่วนที่ดำเนินกิจการด้วย แต่เบื้องต้นสภาทนายความเห็นว่าชั้นนี้ไม่น่าจะไปถึงผู้ถือหุ้น

 

 ทั้งนี้หากฟ้องไปแล้ว จำเลยต่อสู้คดีว่าผู้เสียหายมีส่วนผิดเองที่เขาไปเที่ยวสถานบริการ จะขอลดค่าเสียหาย นายเจษฎา กล่าวว่า การที่ผู้เสียหายเข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิงดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าเป็นที่ปลอดภัยเพราะได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และพ.ร.บ.สถานบริการ แต่คดีนี้ ซานติก้า ผับ หลีกเลี่ยงกฎหมายโดยที่ผู้ใช้บริการไม่รู้ ซึ่ง ซานติก้า ผับ มีหน้าที่ต้องสร้างความปลอดภัย แต่กลับประมาทละเลย ดังนั้นคดีนี้จะเป็นบทเรียนแก่ผู้ประกอบการ ให้ปรับปรุงความปลอดภัย ไปลงทุนกับระบบป้องกันไฟ ทางหนีไฟ การอบรมเจ้าหน้าที่ ให้มากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เสียหายที่เข้าร้องขอความเป็นธรรม ต่อสภาทนายความครั้งนี้ พบว่ารายหนึ่ง คือ นายอาทิตย์ อมรรัตนโชติ อายุ 23 ปี ได้รับมอบจากนายอวยชัย บิดา มาร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ น.ส.พรเพ็ญ อมรรัตนโชติ พี่สาวซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีการให้ข้อมูลเพื่อต้องการจะให้มีการยื่นฟ้อง ว่า ผู้ตายสำเร็จการศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาปรัชญาและศาสนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 2 ซึ่งการเสียชีวิตทำให้บิดาขาดไร้อุปการะ เนื่องจากก่อนเสียชีวิตซึ่งผู้ตายเคยอุปการะบิดา เป็นเงินเดือนละ 20,000 บาท จึงขอให้ฟ้องเรียกเงินดังกล่าวเป็นเวลา 20 ปี

สำนักข่าวเนชั่น 20-01-52

พิมพ์ อีเมล