แบงก์อัดมาตรการอุ้มลูกหนี้จมน้ำ พักหนี้-ลดดอกเบี้ย...ต่อลมหายใจ

"น้ำท่วมใครว่าดีกว่าฝนแล้ง” ประโยคขึ้นต้น ของหนึ่งในเพลงไทยอมตะ ที่ ณ เวลานี้ คนไทยทั้งประเทศคงชูมือแสดงความเห็นด้วยแบบไม่แตกแถว หลังจากต้องอ่วมอรทัยสำลัก “น้ำ” กันระนาว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจแสนล้าน หรือคนกินค่าแรงไม่ถึง 300 บาท หลังเจอพิษน้ำท่วมซัดกระหน่ำ ทำเศรษฐกิจพังยับเยิน พื้นที่อุตสาหกรรมบางแห่งต้องทนทุกข์ทรมาน กับการจมดิ่งอยู่ในน้ำมาเป็นแรมเดือน

ด้วยเหตุนี้ “กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)” ที่คุมระบบการเงินการคลังของประเทศ ต้องออกโรงสั่งการให้ธนาคารพาณิชย์เอกชน และ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เข้ามาช่วยเหลือลูกค้าตั้งแต่รายเล็กจนถึงรายใหญ่อย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะสิ้นเนื้อประดาตัว ล้มกันเป็นโดมิโน่ไปหมด

“เดลินิวส์” จึงขอประมวลรายละเอียดของมาตรการช่วยลูกหนี้ของสถาบันการเงินต่าง ๆ นำเสนอเป็นข้อมูลเบื้องต้น

อัตราดอกเบี้ยพิเศษ

ประเดิมแบงก์บิ๊กเบิ้มอย่าง “ธนาคารกรุงเทพ” ได้ผ่อนผันเงื่อนไขการชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ ให้สินเชื่อฉุกเฉิน และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ส่วนสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอี ก็มีสินเชื่อพิเศษวงเงิน 5,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ต่อรายสูงสุด 20 ล้านบาท เวลา 1-5 ปี โดยปีแรกคิด 5% ต่อปี จากนั้นคิดดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีหรือเอ็มแอลอาร์ สิ้นสุดโครงการ 30 ธ.ค.นี้ ส่วนบัตรเครดิต ผ่อนผันลดยอดขั้นต่ำที่ต้องชำระเหลือเพียง 0-10% และผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย โดยลดอัตราดอกเบี้ยลงจากอัตราปกติ 50% จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 55 และยังพร้อมขยายไปอีก 6 เดือน ด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยผ่อนผันให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาสูงสุด 12 เดือน หรือปรับลดยอดการผ่อนชำระรายเดือนลงสูงสุด 40% เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นมาตรการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ลูกค้ารายใดต้องการความช่วยเหลือติดต่อบัวหลวงโฟน โทร. 1333

เช่นเดียวกับ “ธนาคารกรุงไทย” ที่พักชำระหนี้ให้นาน 3 เดือน สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีและรายย่อยที่ไม่มีรายได้ และพักชำระหนี้เงินกู้แบบมีระยะเวลานาน 6 เดือนและให้ลูกค้าทยอยผ่อนชำระดอกเบี้ยที่พักแขวนสูงสุด 24 เดือน พร้อมเพิ่มวงเงินกู้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหาย เพื่อใช้ฟื้นฟูกิจการ พร้อมให้สินเชื่อเพิ่มเติมกับลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เต็มตามจำนวนเงินที่ได้ผ่อนชำระกับธนาคาร โดยไม่ตรวจสอบประวัติทางการเงิน ไม่ต้องประเมินราคาหลักทรัพย์ รวมทั้งให้สินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูหลังอุทกภัย ดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 4% ต่อปี

ลดยอดผ่อนรายเดือน 40%

ด้าน “ธนาคารกสิกรไทย” ช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม โดยรายย่อยที่ใช้บริการสินเชื่อบ้าน ได้ลดยอดผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 40% เป็นเวลา 1 ปี หรือเลือกผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือน และจะมอบวงเงินสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมบ้านให้สูงสุดเท่ากับยอดสินเชื่อบ้านที่ผ่อนชำระมาแล้ว โดยคิดดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน ส่วนลูกค้าบัตรเครดิตผ่อนผันให้ชำระดอกเบี้ย 50% ลดยอดผ่อนชำระขั้นต่ำอยู่ที่ 0-10% สินเชื่อเงินสดทันใจ จะผ่อนผันให้ชำระดอกเบี้ย 50% พร้อมลดยอดผ่อนชำระขั้นต่ำเป็น 0-5%

ทุ่มวงเงิน 20,000 ล้าน

ฝั่ง “ธนาคารไทยพาณิชย์” ได้อนุมัติวงเงิน 20,000 ล้านบาทช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งลูกค้ารายใหญ่ รายกลาง และรายย่อยหรือเอสเอ็มอี รวมทั้งลดการผ่อนชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย และเพิ่มวงเงินฟื้นฟูกิจการให้กับลูกค้า เช่น สินเชื่อบ้าน พักชำระหนี้สูงสุด 6 เดือน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 50% เป็นเวลา 3 เดือน และให้เพิ่มวงเงินฟื้นฟูกิจการ 120% ดอกเบี้ย 0% เวลา 3 เดือน ส่วนสินเชื่อบุคคล เช่น บัตรเครดิตพักชำระหนี้และดอกเบี้ยสูงสุด 50% ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อรถ ยนต์พักชำระหนี้สูงสุด 3 เดือน ส่วนลูกค้ารายกลางและเอสเอ็มอียังได้เพิ่มวงเงินเบิกเกินบัญชี 20% และวงเงินกู้หลังน้ำลดด้วย ขณะที่เอสเอ็มอีขอกู้เพื่อฟื้นฟูกิจการได้ในเวลา 3 ปี ดอกเบี้ยปีแรก 5% ปีที่เหลือคิดเอ็มแอลอาร์ลบ 1% มีปัญหาติดต่อคอลเซ็นเตอร์ โทร. 0-2777-7777

ส่วนธนาคารลูกครึ่งอย่าง “กรุงศรีอยุธยา” ผ่อนผันชำระหนี้ลูกค้า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบทางตรง ด้วยการผ่อนชำระดอกเบี้ยอย่างเดียวนาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม ให้ความช่วยเหลือผ่อนชำระดอกเบี้ยอย่างเดียว 3 เดือน และอัตราดอกเบี้ยพิเศษแล้วแต่กรณีเช่นกัน และ ลูกค้าที่หลักประกันสินทรัพย์ได้รับความเสียหายรุนแรงจะให้สินเชื่อฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ด้านลูกค้ารายย่อยลดค่างวดการผ่อนชำระและยกเว้นดอกเบี้ย 

หันมาที่ “ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย” ได้ออกมาตรการพักชำระหนี้สูงสุด 90 วัน หรือขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ให้สูงสุด 12 เดือน และปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันของลูกค้า เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยลูกค้าสินเชื่อบุคคลมีหลักประกัน ได้ลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 1.5% และลูกค้าสินเชื่อบุคคลไม่มีหลักประกัน ลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 7% ซึ่งลูกค้าสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ โทร. 0-2626-7777 กด 0

ลิสซิ่งช่วยลูกค้าเต็มที่

ส่วนบรรดาสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ต่าง ๆ บรรดาลิสซิ่งต่างออกมาตรการมากมาย อย่าง “ธนาคารธนชาต” พักชำระหนี้ให้สูงสุด 90 วัน และขยายเวลาผ่อนชำระสูงสุด 12 เดือน ส่วนบัตรสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต ก็ผ่อนผันค่างวดและยอดดอกเบี้ยได้ ด้านสินเชื่อเคหะไม่ต้องชำระคืนเงินต้นได้นานสูงสุด 12 เดือน ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถพักหนี้ไม่ต้องชำระคืนเงินต้นนาน 1 ปี เป็นต้น ขณะที่ “ธนาคารทิสโก้” ยกเว้นค่าปรับล่าช้า และค่าติดตามทวงถามสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ขยายเวลาชำระหนี้และลดค่างวดลง พักชำระหนี้ให้ 3 เดือน หากได้รับผลกระทบรุนแรงจนชำระหนี้ไม่ได้จะมีเจ้าหน้าที่มาให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานงานการเคลมประกันภัยสำหรับลูกค้าที่รถยนต์คันที่เช่าซื้อได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอีกด้วย โดยได้ทำการเปิดศูนย์ช่วยเหลือลูกค้าเรื่องประกันภัยตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 0-2633-6000 กด 1

ด้าน “ธนาคารทหารไทย” จะให้ความช่วยเหลือลูกค้ารายใหญ่ตามความเหมาะสม และมีสินเชื่อสำหรับซ่อมแซมอาคาร โรงงาน เครื่องจักร ระยะยาว  5 ปี และมีเวลาปลอดเงินต้นไม่น้อยกว่า 3-6 เดือน ขยายเวลาผ่อนชำระคืนเงินทุนหมุนเวียนอีกสูงสุดเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถมีเงินทุนเพียงพอ ส่วนเอสเอ็มอีพักชำระเงินต้นและยืดอายุหนี้ออกไป 6-12 เดือน และให้สินเชื่อหมุนเวียนและวงเงินกู้ใหม่ระยะเวลาผ่อนชำระคืน 7 ปี โดยปลอดชำระคืนเงินต้นสูงถึง 6 เดือน ขณะที่ลูกค้าบุคคล เช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัยขอชำระเฉพาะดอกเบี้ยและพักชำระเงินต้น 6 เดือน

เปิดโครงการลดดอกเบี้ย 0%

ขณะที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือธอส. ก็เปิดโครงการลดดอกเบี้ย 0% และหยุดชำระค่างวดนานไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์เข้าไปหาลูกค้าในพื้นที่ถูกน้ำท่วม เพื่อสอบถามความต้องการว่าจะเข้าโครงการดังกล่าวหรือไม่ หรือหากใครเดือดร้อนไม่สามารถชำระค่างวดได้ให้รีบติดต่อเข้ามาก่อนสิ้นเดือน ธ.ค. เพื่อป้องกันไม่ให้มีหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือนก่อนเป็นหนี้เสียในเครดิตบูโร ทำให้ประวัติเสียได้แต่หากเข้าโครงการฯ ธอส.ประสานไปยังศูนย์ข้อมูลเครดิตบูโร เพื่อแจ้งสถานะของลูกหนี้ปกติไปจนครบช่วงเวลาพักหนี้ เป็นต้น และพร้อมปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าเดิมกู้เงินเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย คิดดอกเบี้ยคงที่ 2% นาน 5 ปี ไม่จำกัดวงเงิน และมีหลักประกันตามเงื่อนไขของ ธอส. ส่วนลูกค้ารายใหม่ กรณีที่กู้เพื่อซ่อมแซมบ้าน คิดดอกเบี้ยคงที่ 4% นาน 5 ปี วงเงินไม่เกิน 100,000 บาท

ออมสินอุ้มทั้งเก่า-ใหม่

ปิดท้าย “ธนาคารออมสิน” ให้ความช่วยเหลือด้วยบริการด้านการเงินเป็นกรณีเร่งด่วน โดยลูกค้าเดิม เช่น สินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน สินเชื่อธุรกิจห้องแถว สินเชื่อองค์กรชุมชน สินเชื่อโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน (หนี้นอกระบบ) ให้พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับลดเงินงวดลง หรือขยายเวลาการผ่อนชำระหนี้ออกไปอีกได้ไม่เกิน 1 ปี ส่วนลูกค้าโครงการธนาคารประชาชน และประชาชนทั่วไป ยื่นกู้ได้ไม่เกินรายละ 50,000 บาท ดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ บวก 1% ต่อปี ขณะที่สินเชื่อธุรกิจห้องแถว กู้ได้ไม่เกินรายละ 100,000 บาท ดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ลบ 1.50% ต่อปี ผ่อนชำระเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี

ส่วนลูกค้าสินเชื่อเคหะให้พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย หรือพักเฉพาะเงินต้น ไม่เกิน 6 เดือน รวมถึงปรับลดเงินงวด หรือขยายเวลาผ่อนชำระหนี้ออกไปได้ไม่เกิน 30 ปี ส่วนลูกค้าสินเชื่อเคหะเดิม กู้เพิ่มเติมเพื่อซ่อมแซมได้ไม่เกิน 10% ของเงินกู้ตามสัญญาเดิม แต่ไม่เกิน 300,000 บาท ส่วนประชาชนทั่วไป กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบได้ไม่เกินรายละ 300,000 บาท ผ่อนชำระภายใน 5 ปี คิดดอกเบี้ยปีที่ 1-2 ที่ 3.25% ปีที่ 3-5 เอ็มแอลอาร์ลบ 1% ทั้งนี้ ออมสินยกเว้นค่าธรรมเนียมการให้บริการสินเชื่อและค่าบริการจัดทำนิติกรรมสัญญา

พร้อมทั้งออกสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชนช่วยภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นเงินกู้ตามความจำเป็นตามสภาพที่ได้รับผลกระทบวงเงินกู้รายละ 30,000 บาท คิดดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ต่อปี ปัจจุบันอยู่ที่ 8% ผ่อนชำระ 2 ปี เป็นรายเดือน โดยใช้เวลาอนุมัติภายใน 5 วัน เพียงผู้กู้มีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป มีความสามารถในการชำระเงินกู้ มีที่อยู่แน่นอน ติดต่อได้ มีอาชีพหรือมีรายได้ ใช้บุคคลค้ำประกัน 1 ราย ที่มีคุณสมบัติเดียวกันกับผู้กู้ หรือเป็นลูกค้าของธนาคารก็กู้ได้ โดยติดต่อได้ที่สาขาที่ใช้บริการอยู่ หากอยู่ในพื้นที่ประสบภัยแล้วไม่สะดวกเดินทางไปสาขา ติดต่อได้ที่รถตู้เคลื่อนที่ของธนาคารที่ออกไปอำนวยความสะดวกตามเส้นทางต่าง ๆ ในพื้นที่ประสบภัย หรือสอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วน โทร. 1115

สำหรับ ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจและเอสเอ็มอี ออมสินผ่อนปรนให้พักชำระหนี้เงินต้นไม่เกิน 6 เดือน ขยายเวลาผ่อนชำระหนี้ออกไปจากสัญญาเดิมไม่เกิน 1 ปี และขอกู้เพิ่มเป็นเงินทุนหมุนเวียนได้ไม่เกินรายละ 500,000 บาท คิดดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ลบ 1.50% ต่อปี ชำระเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี

เมื่อดูจากมาตรการเหล่านี้แล้วคงทำให้บรรดาผู้ประสบภัยใจชื้นกันขึ้นมาบ้างและพอมีแรงที่จะฟันฝ่ากระแสน้ำกันได้บ้าง แต่สิ่งสำคัญที่ทุกคนรอคอยคือ คิดแล้วต้องทำจริง ไม่ใช่แค่สร้างฝันหรือตั้งเงื่อนไขสารพัด สุดท้ายลูกหนี้น้ำดีอาจกลายเป็นลูกหนี้เน่า จนพากันพังทั้งลูกหนี้-เจ้าหนี้...ใครจะรู้?

พิมพ์ อีเมล